“มินิ” สานต่อความนิยม EV เสริมรุ่นพิเศษ “มัลติโทน รูฟ”
มินิ ประเทศไทย เอาใจแฟนมินิ ด้วย มินิ Electric Collection Edition สานต่อความนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ ยกระดับความสปอร์ต เพิ่มความโดดเด่นด้วยหลังคาเฉดสีพิเศษ (multitone roof) ภายใต้ตัวถังสีใหม่ เทา Rooftop Grey Metallic และน้ำเงิน Island Blue Metallic เคาะราคาจำหน่าย 2,459,000 บาท จำนวนจำกัดเพียง 40 คัน
หลังจากที่ มินิ ประเทศไทย เปิดตัว มินิ เอสอี ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากแฟนมินิ ที่จับจองเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของแบรนด์ ที่มีให้จับจองเป็นเจ้าของในจำนวนจำกัด นับตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2020 แสดงให้เห็นถึงเทรนด์และทิศทางที่ดีของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย
ล่าสุด ค่ายมินิเอาใจแฟนในประเทศไทยด้วยรถรุ่นพิเศษ อย่าง มินิ Electric Collection Edition ยกระดับความสปอร์ตและล้ำสมัย ด้วยหลังคารถเฉดสีพิเศษ มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกใช้ 2 สี ได้แก่ สีเทา Rooftop Grey Metallic และสีน้ำเงิน Island Blue Metallic และยังคงไว้ซึ่งฟีลลิ่งการขับขี่สไตล์รถคาร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มินิ โดยเคาะราคาขายที่ 2,459,000 บาท พร้อมแพ็กเกจ MSI standard จำนวนจำกัด 40 คันในประเทศไทย
คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “นอกจากการเป็นผู้บุกเบิกยนตรกรรมไฟฟ้าสำหรับการขับขี่ในตัวเมือง ในเซ็กเมนต์พรีเมียมคอมแพค มินิยังเป็นผู้ริเริ่มด้านนวัตกรรมของการดีไซน์หลังคาที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย โดยหลังคาเฉดสีที่ไล่เรียงกันใน 3 เฉดสี สื่อถึงตำนานความหลากหลายทางสีสันที่ได้สืบทอดมาอย่างยาวนาน รวมถึงเอกลักษณ์ของการออกแบบที่คัดสรรมาสำหรับรุ่น multitone roof ซึ่งผสานกันอย่างลงตัวกับสีของตัวถังรถ และยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะของการขับขี่ที่สนุกสนานเฉพาะตัวในแบบมินิ ตอบโจทย์การเดินทางภายในเมืองที่สะอาด และปลอดมลพิษ”
เทคนิคการทำสีแบบใหม่ เริ่มจากการลงสีอ่อนอย่างสีฟ้า Pearly Aqua เป็นสีแรก จากนั้นจึงใช้สีน้ำเงิน San Marino Blue แต่งแต้มบริเวณด้านหน้าของหลังคาและสีดำ Jet Black ที่ด้านหลัง ส่งผลให้เกิดการไล่สีที่มีลักษณะพิเศษของ Multitone Roof ซึ่งกระบวนการพ่นสีที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ ได้ผนวกรวมเข้ากับกระบวนการผลิตที่โรงงานมินิ ในเมืองอ็อกซ์ฟอร์ด อย่างสมบูรณ์ โดยการไล่โทนสีในแต่ละคันอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย จากขั้นตอนการลงสีในกระบวนการผลิต สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใคร
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ค่ายมินิขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้พัฒนาขึ้น รีดพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน วิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว 217 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC)
มาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN และ GREEN+ รองรับการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ทันสมัยด้วยการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (regenerative brake) ที่ทำให้รถชะลอความเร็วทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง โดยมินิ คูเปอร์ เอสอี เป็นรถยนต์รุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ผู้ขับสามารถเลือกปรับเปลี่ยนระหว่างการขับขี่แบบ one-pedal feeling หรือเลือกลดระดับการนำพลังงานจากเบรกกลับมาใช้ใหม่
สามารถชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ ทั้งปลั๊กไฟในบ้านโดยตรงจากอุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ รวมถึงเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox และจากสถานีชาร์จสาธารณะ รองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 ซึ่งจะมีไฟบอกสถานะการชาร์จปรากฏอยู่เหนือเต้าเสียบใน 3 สถานะด้วยกัน ได้แก่ ไฟสีส้มขณะเริ่มชาร์จ ไฟกะพริบสีเหลืองระหว่างการชาร์จ และไฟสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม
โดยแบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 2.5 ชั่วโมง และชาร์จเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 3.5 ชั่วโมง สามารถรองรับพลังงานในการชาร์จได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ จากสถานีที่เป็นหัวชาร์จแบบ DC fast-charging ชาร์จได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลา 36 นาที