“มาสด้า2” นิวเทรนด์ เริ่มต้น ราคาเดิม จัดเต็มออปชัน เขย่าตลาดซับคอมแพ็ค
มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กระตุ้นตลาดกลางปีด้วย มาสด้า2 รุ่นปรับโฉมปี 2023 เพิ่มความสดใหม่ทั้งในเรื่องรูปโฉม รวมถึงสมรรถนะการใช้งานที่ตอบโจทย์ ยกระดับความปลอดภัยด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง (GVC Plus) ในทุกรุ่นย่อย มาพร้อม 5 รุ่นทางเลือก เสริมด้วยรุ่นพิเศษ เคาะราคาจำหน่าย 599,000-830,000 บาท
เจเนอเรชันที่ 3 ของ มาสด้า 2 เปิดตัวในตลาดประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2015 ก่อนจะได้รับการปรับโฉมในปี 2019 รวมถึงการเพิ่มรุ่นพิเศษสร้างความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และยังคงไว้ซึ่งการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค ตอกย้ำความนิยมของซับคอมแพ็คเรือธงประจำค่ายมาสด้า ที่สร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ในตลาดประเทศไทย ด้วยสัดส่วนกว่าครึ่งของยอดขายในบ้านเรา
“มาสด้ามุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้คนผ่านยนตรกรรมของเรา เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ความตื่นเต้นและความสนุกสนาน ซึ่ง มาสด้า 2 คือหนึ่งในรถยนต์ที่ถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นรถรุ่นที่สร้างยอดขายให้กับมาสด้า หลังจากเปิดตัวมาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน จนประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 10%
“ทั้งยังถือเป็นโมเดลหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน การเปิดตัว มาสด้า 2 ในวันนี้ คือการเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจของมาสด้า และเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า” มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้ำความสำคัญของ มาสด้า 2
ล่าสุด มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ขยับตัวอีกครั้งด้วยการเปิดตัว มาสด้า 2 เวอร์ชัน 2023 อย่างเป็นทางการในตลาดประเทศไทย มาภายใต้ 2 ดีไซน์ใหม่ ได้แก่ Sport Design ที่ยกระดับด้วยกันชนหน้า พร้อมกระจังหน้าแบบ Mesh Grille ดีไซน์ใหม่ เติมเต็มความสปอร์ตด้วยกระจกมองข้างและหลังคาสีดำ มาพร้อมกับล้อขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
ภายในชูความสปอร์ตพรีเมียมด้วยเบาะหนังสีดำสลับกับผ้า Grand Luxe Suede แบบสปอร์ตดีไซน์ใหม่ ให้ความประณีตด้วยวัสดุคุณภาพสูง เติมเต็มดีไซน์ภายในด้วยการตกแต่งสีแดงที่กรอบช่องแอร์ และเบาะนั่งเดินตะเข็บสีแดง หวังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหารถสปอร์ตที่ทั้งขับสนุกและมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน
ขณะที่ New Wave Design ให้ภาพลักษณ์สดใสมีชีวิตชีวา โดดเด่นด้วยกันชนหน้าใหม่ กระจังหน้าใหม่ และล้อลายใหม่ เน้นความสดใสและเป็นตัวตน รวมถึงแผงคอนโซลด้านในหลากสี ที่จับคู่กับสีภายนอกและดีไซน์ของล้อที่แตกต่างหลากหลายได้อย่างลงตัว ทั้งยังใช้ Bioplastic ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนประกอบในการผลิตคอนโซล รวมถึงการเลือกใช้ฟิล์มหลังคาที่ผลิตจากวัสดุไวนิลลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
เติมเต็มไลน์อัปด้วยรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่น ได้แก่ Rookie Drive ที่สร้างความแตกต่างด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีขาว รวมถึงหลังคาสีขาวหรือสีดำที่สร้างความโดดเด่นตามสีภายนอก เพิ่มสีสันและความสดใสด้วยการตกแต่งด้วยสีส้ม Racing Orange บนชุดสปอยเลอร์หลัง ชุดครอบกระจกมองข้าง คิ้วตกแต่งกันชนหน้าและกันชนหลัง รวมถึงฝาครอบล้อ พร้อมชุดสติกเกอร์ตกแต่งดีไซน์พิเศษ
ขณะที่รุ่น Clap Pop มาภายใต้กระจังหน้าสีขาวดีไซน์ใหม่ รวมถึงหลังคาสีขาว, กระจกมองข้าง และฝาครอบล้อสีขาว Ceramic Metallic เพิ่มความโดดเด่นและสร้างความแตกต่าง พร้อมชุดสติกเกอร์ตกแต่งดีไซน์พิเศษ Clap Pop ตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่ที่ต้องการรถที่แสดงความเป็นตัวตนที่ชัดเจน
ตอกย้ำบทบาทของรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ครบครันด้วย Mazda Connect รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android AutoTM ผ่านหน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบควบคุมความเร็วคงที่ เติมเต็มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง
มีให้เลือกใช้ทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ที่ให้สมรรถนะความแรง และการขับขี่ดีเยี่ยม และมีอัตราประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กิโลเมตร/ลิตร ผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟไดรฟ์ 6 สปีด พร้อมแมน่วลโหมด Activematic ช่วยให้การขับขี่ได้สนุกสนานยิ่งขึ้น เพิ่มความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาดด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง (GVC Plus) เพิ่มความปลอดภัยและมั่นใจให้กับการขับขี่
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วน ทั้งดีไซน์ที่สดใหม่และความครบครันของเทคโนโลยีอันมีเอกลักษณ์ ส่งผลให้ลูกค้าสามารถสัมผัสถึงประสบการณ์แห่งความสนุกสนานที่ได้รับจากรถยนต์มาสด้า ทั้งยังถ่ายทอดบุคลิกและตัวตนที่แตกต่างของลูกค้ายุคใหม่ได้อย่างชัดเจน พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวให้กับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ ด้วยดอกเบี้ย 1.59% และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี”
สำหรับ มาสด้า 2 รุ่นปรับโฉมปี 2023 วางจำหน่าย 5 รุ่นย่อยมาตรฐาน มีให้เลือกใช้ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ได้แก่ รุ่น 1.3 C ราคา 599,000 บาท, 1.3 S ราคา 680,000 บาท และ 1.3 SP ราคา 730,000 บาท ขณะที่รุ่น XD เคาะราคาจำหน่าย 720,000 บาท และ XDL ราคา 830,000 บาท ส่วนรุ่นพิเศษอย่าง Rookie Drive Sports มาภายใต้ราคา 662,000 บาท และ Clap Pop Sports ราคา 647,000 บาท