มายบัค S 580 e ทูโทน เติมออปชันเฟิร์สคลาส

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เติมเต็มความลักชัวรีให้กับเมอร์เซเดส-มายบัค เอส 580 อี รุ่นสีทูโทน ปรับอุปกรณ์ MY2024 เพิ่มเติมออปชัน หลอมรวมทุกความเป็นเลิศเหนือจินตนาการ ทั้งสมรรถนะ ดีไซน์ภายนอกและภายใน เทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายและประสบการณ์ที่เหนือระดับ ตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ยานยนต์ซาลูนระดับเฟิร์สคลาสรุ่นเรือธงที่ประกอบขี้นที่โรงงานในประเทศไทย เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 11,300,000 บาท
เมอร์เซเดส-มายบัค ได้รับการยกย่องว่าเป็นยานยนต์ระดับสูง ที่มีทั้งความหรูหรา สไตล์ สถานะ และระดับของราคา นับตั้งแต่ Wilhelm และ Karl Maybach สร้างรถยนต์มายบัค คันแรก ในปี 1921 มรดกตกทอดจากบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง มายบัค ที่ถูกส่งถ่ายจนมาถึงปัจจุบันก็คือ การสร้างสิ่งที่ดีที่สุดจากสิ่งที่ดีที่สุด กลายเป็นแรงบันดาลใจในการผลิตรถยนต์ที่สืบทอดตำนานกว่า 103 ปี
จนถึงทุกวันนี้ มายบัค ยังคงเป็นรถยนต์ระดับสูงที่เป็นสัญลักษณ์ของยานยนต์ซาลูนรุ่นเรือธงของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ยึดโยงมานานกว่าร้อยปี พร้อมผสมผสานนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ถูกคิดค้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้งานรถยนต์มายบัค อยู่เหนือความคาดหมายของลูกค้าเสมอ
สำหรับในตลาดประเทศไทย เมอร์เซเดส-มายบัค เอส 580 อี ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 และถือเป็นครั้งแรกกับรุ่นประกอบในประเทศไทย และถือเป็นประเทศแรกที่ขึ้นไลน์ผลิตตัวถังสีทูโทนแบบ Local Production โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนผสานขุมพลังแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด และหลอมรวมทุกความเป็นเลิศเหนือจินตนาการทั้งสมรรถนะ ดีไซน์ภายนอกและภายใน เทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายและประสบการณ์ที่เหนือระดับ พร้อมสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วยยนตรกรรมระดับสูงสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวของ เมอร์เซเดส-มายบัค เอส 580 อี รุ่นประกอบในประเทศ ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ มุ่งมั่นสร้างความเป็นเลิศให้กับแบรนด์ เมอร์เซเดส-มายบัค ภายใต้แนวคิดที่มาจากปรัชญาของ “วิลเฮล์ม มายบัค” ผู้ก่อตั้งแบรนด์มายบัค ด้วยการสร้างสรรค์ศิลปะแห่งวิศวกรรมยานยนต์ระดับสูงสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และทำให้ เมอร์เซเดส-มายบัค ได้รับการยกย่องจากคนดังระดับโลกมากมายที่เป็นเจ้าของ โดยหนึ่งในองค์ประกอบที่โดดเด่นที่สุดของรถในตระกูลนี้ คือพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่พร้อมมอบประสบการณ์ระดับ “เฟิร์สคลาส” ซึ่งถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายอย่างสูงสุด”
ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเติมเต็มความลักชัวรีของยนตรกรรม เมอร์เซเดส-มายบัค เอส 580 อี รุ่นประกอบไทย ด้วยการปรับออปชันให้รถซาลูนรุ่นนี้มีความแตกต่างไปจากเดิม ประกอบด้วย เพิ่มสีตัวถังภายนอกใหม่ Two-Tone C31 Maybach High-Tech Silver / Selenite Grey, พวงมาลัย แบบ Wood/Leather Multifunction Steering Wheel, เพิ่มการตกแต่งลายไม้หลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า MANUFAKTUR seat backrest trim และเปลี่ยนการตกแต่งลายไม้ เป็นรหัส H17 MANUFAKTUR black piano lacquer trim with flowing lines และเพิ่มถุงลมนิรภัยระหว่างเบาะคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า Center Airbag ราคาเพิ่มขึ้น 100,000 บาท
ขณะที่ขุมพลังของเมอร์เซเดส-มายบัค เอส 580 อี ยังคงมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ แถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซี.ซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 82.0 x 92.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 15.5 : 1 พละกำลังสูงสุด 367 แรงม้า ที่ 5,500–6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600–4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลัง 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร และเมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้พละกำลังรวมสูงสุด 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 28.6 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กม. ภายใน 5.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม. วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. และให้ระยะทางไกลสุด 100 กม. ต่อชาร์จ (มาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที และรองรับการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 60 kW ใช้เวลา 30 นาที
เมอร์เซเดส-มายบัค เอส 580 อี ตัวถังสีทูโทน (two-tone paint – obsidian black / high-tech silver) รุ่นประกอบในประเทศ เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 11,300,000 บาท ตอกย้ำภาพลักษณ์ยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอ็นด์