มร.เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กลไกขับเคลื่อน “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส” “Ko-e” พลังคุณภาพ
การรับบท “แม่ทัพมิตซูบิชิ มอเตอร์ส” ในประเทศไทย กับสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้น เมื่อตลาดรถยนต์เมืองไทยเป็นเป้าหมายสำคัญและเป็นฐานที่มั่นในการขับเคลื่อนรถยนต์มิตซูบิชิตามกลยุทธ์ที่วางไว้ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมแห่งเทคโนโลยี ที่มีโรงงานผลิตรถยนต์ที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญ ทุกก้าวย่างของ “มร.เรียวอิจิ อินาบะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จึงน่าสนใจยิ่ง
หลังแนะนำตัวกันแล้ว คำถามแรกกับบทบาทสำคัญของประเทศไทย “มิตซูมิชิ มอเตอร์ส ให้ความสำคัญกับประเทศไทย เรามีโรงงานผลิตรถยนต์ที่แหลมฉบัง ถือเป็นฐานการผลิตและการส่งออกที่สำคัญ ด้วยสัดส่วนการผลิตรถยนต์ประมาณร้อยละ 30 ของยอดการผลิตทั้งหมดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ออล-นิว ไทรทัน รถยนต์รุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลก ได้รับการผลิตที่โรงงานแห่งนี้ เช่นเดียวกับ ปาเจโร สปอร์ต มิราจ และแอททราจ ซึ่งไม่เพียงผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งออกไปยังกว่า 120 ประเทศ ในหลายภูมิภาคทั่วโลก”
“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส” ให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่? “มร.อินาบะ” นิ่งคิด ก่อนตอบคำถาม “ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อนไฮบริด เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่โรงงานแหลมฉบังเป็นครั้งแรก เป็นความมุ่งมั่นทุ่มเทพัฒนารถยนต์ที่หลอมรวมจุดแข็ง อันเป็นเอกลักษณ์ของเราเข้าไว้ด้วยกัน นับเป็นยนตรกรรมใหม่ล่าสุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส นั่นเอง”
“ปัจจุบันการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าความคาดหมาย แต่เราก็ยังเชื่อว่าการนำเสนอทางเลือกอื่นๆ เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอน นอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ อย่างการพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ของเรา ไม่เพียงประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ใหม่เหนือระดับในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ผู้ขับขี่ได้สนุกไปกับการขับขี่ด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ที่นุ่มนวล ทรงพลัง และตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งพบได้ในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าเท่านั้น”
คำตอบที่ยืดยาวแต่ชัดเจนของ “มร.อินาบะ” ทำให้อดถามถึงความสำเร็จไม่ได้ คำตอบเป็นอย่างไร? “ในประเทศไทย รถตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ ได้รับการตอบรับและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวไทยอย่างแพร่หลาย สามารถทำยอดขายได้มากเป็นอันดับ 2 รองจากไทรทัน และมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าร้อยละ 40 ในกลุ่มรถเอ็มพีวีขนาดเล็ก แต่ยอดขายรวมทั่วโลก รถยนต์ตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ มียอดขายรวมมากเป็นอันดับ 3 ในปีงบประมาณ 2565 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส รองจากไทรทันและเอาท์แลนเดอร์ ด้วยยอดสะสมตั้งแต่เปิดตัว จนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้นกว่า 650,000 คัน”
ถามถึงบทบาทของ “แม่ทัพมิตซูชิชิ มอเตอร์ส” ทำให้ “มร.อินาบะ” มีรอยยิ้ม “ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็มีการพูดคุยกับทุกแผนก เพื่อปรับจูนทิศทางให้ตรงกัน จะได้ขับเคลื่อนรถยนต์มิตซูบิชิไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ก็ไม่มีปัญหาอะไร? เพราะทุกคนต่างก็มีประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญของบริษัทฯ ที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ในส่วนของโรงงานผลิตไม่มีปัญหาอะไร? ผมยังเชื่อมั่นในแบรนด์ของเรา ที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 63 ปี จนได้รับความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย ในปีนี้ผมยิ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย ภายใต้ความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมจากทุกคน”
อีกคำกล่าวที่อดถามไม่ได้ ถึงความหมายของคำว่า โค-เอะ (Ko-e) “คำนี้ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “เสียง” ผมอยากบอกกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานในบริษัทฯ ผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ลูกค้าทุกๆ คน หรือแม้กระทั่งสื่อมวลชน ทุกเสียงของทุกคนมีความหมายและทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นคำติชมหรือข้อเสนอแนะ ผมพร้อมที่จะรับฟังเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข และเป็นพลังในการทำงาน ถือเป็นพลังที่มีคุณภาพอย่างยิ่ง ปีนี้ผมและทีมงานทุกคน พร้อมที่จะนำนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ของรถยนต์มิตซูบิชิ มาให้คนไทยได้ใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด”
สุดท้ายของ “มร.อินาบะ” ที่ฝากถึงคนไทย “รถยนต์มิตซูบิชิ ยากที่จะมีก้าวย่างที่มั่นคงเช่นวันนี้ 63 ปี ถือเป็นเส้นทางที่ยาวไกลมาก เราได้ผลิตที่สุดแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์แทนคำขอบคุณ แต่เราคงไม่หยุดก้าวเดิน นับจากนี้ทุกการคิดค้นจะยิ่งคุ้มค่าคุ้มราคา ขอให้เชื่อมั่นในแบรนด์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ตลอดไป ยืนยันอีกครั้งนะครับ เสียงทุกเสียงของทุกคำติชม คงความหมายที่สุดครับ ถือโอกาสขอบคุณคนไทยที่ให้การสนับสนุนรถยนต์มิตซูบิชิด้วยดีตลอดมา ขอบคุณครับ”
เส้นทางของ “มร.เรียวอิจิ อินาบะ” ยังเป็นเพียงก้าวแรกๆ ยังมีก้าวสำคัญนับจากนี้ให้ติดตามกัน ในฐานะแม่ทัพที่จะนำพารถยนต์มิตซูบิชิสู่เป้าหมายที่วางไว้ กับสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้น
กลไกขับเคลื่อนจะสัมฤทธิผลหรือไม่? น่าติดตามยิ่งนัก