“ฟอร์ด” ยิ้มรับท็อปทรี เติมโปร ตั้งเป้ารักษาแชร์

ฟอร์ด ประเทศไทย เผยยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี เก็บเกี่ยวไปได้ทั้งสิ้น 11,282 คัน ครองอันดับ 3 ในตลาดรถกระบะและพีพีวีไว้ได้อย่างเหนียวแน่น พร้อมเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี เติมโปรโมชันและกิจกรรมส่งเสริมการขาย ตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งในตลาดพีพีวี และขยับแชร์ในตลาดรถกระบะเพิ่มเป็น 9%
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครองตำแหน่งรถที่มียอดขายดีที่สุด อันดับ 3 ทั้งในเซ็กเมนต์รถกระบะและพีพีวีไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยยอดขายรวม 11,282 คัน ส่งผลให้ครองอันดับ 1 ในตลาดรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยส่วนแบ่ง 29%
ทั้งยังครองเจ้าตลาดรถกระบะ 4×4 แบบสี่ประตู ด้วยส่วนแบ่งตลาด 37% ขณะที่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 27% ในเดือนเมษายน หลังจากการเปิดตัวฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม ล่าสุดเก็บเกี่ยวยอดขายไปแล้วมากกว่า 650 คัน และเตรียมเพิ่มโควตารถรุ่นดังกล่าว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
จากทิศทางดังกล่าว ส่งผลให้ ฟอร์ด ประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสานต่อด้วยกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เนื่องจากไม่มีแผนที่จะเสริมทัพด้วยรถรุ่นใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี ดังนั้น จึงโฟกัสไปที่โปรโมชัน รวมถึงกิจกรรมและงานบริการหลังการขาย พร้อมเปิดตัวแคมเปญฉลอง 28 ปี ฟอร์ด ประเทศไทย
มอบสิทธิ์ลุ้นรับเงินคืนรวมมูลค่ากว่า 2,240,000 บาท เมื่อจองและออกรถฟอร์ดระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2567 ประกอบด้วย รางวัลเงินคืนมูลค่า 280,000 บาท จำนวน 5 รางวัล, รางวัลเงินคืนมูลค่า 28,000 บาท จำนวน 30 รางวัล โดยการจอง 1 คัน จะได้รับ 1 สิทธิ์ รับสิทธิ์ในการจับฉลากรางวัลเงินคืน 28 สิทธิ์ต่อการจองรถ 1 คัน หากจองรถฟอร์ดระหว่างวันที่ 17-18 สิงหาคม 2567
ด้านงานบริการลูกค้า ฟอร์ดเผยว่ายอดการใช้งานนวัตกรรมบริการลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกบริการในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีแล้ว ทั้งบริการนัดหมายออนไลน์ หน่วยบริการเคลื่อนที่ บริการรับ-ส่ง รถนอกสถานที่ และบริการตรวจเช็กตามระยะรวดเร็วภายในเวลา 60 นาที สะท้อนให้เห็นถึงความคุ้นเคยและความมั่นใจในการใช้งานนวัตกรรมที่สะดวกสบายของลูกค้า โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ฟอร์ดพร้อมพัฒนางานบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก มั่นใจ ประทับใจยิ่งขึ้น
โดยเพิ่มหน่วยให้บริการเคลื่อนที่ที่รองรับงานบริการซ่อมสีและตัวถังตามมาตรฐานฟอร์ดอีก 6 แห่ง จากเดิม 40 แห่งในปีที่แล้ว พัฒนาช่องทางการสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับฟังก์ชันต่างๆ ยกระดับการจัดการอะไหล่รูปแบบใหม่ เสริมความแม่นยำและรวดเร็วในการกระจายอะไหล่ได้อย่างครอบคลุม เน้นย้ำความคุ้มค่าของการเป็นเจ้าของรถฟอร์ด โดยค่าใช้จ่ายในการเช็กระยะของฟอร์ดเมื่อครบ 120,000 กิโลเมตร หรือ 6 ปี อยู่ในระดับที่คุ้มค่าและแข่งขันได้เมื่อพิจารณาต้นทุนบาทต่อกิโลเมตร