“ปอร์เช่” ขยายเครือข่าย สอดรับธุรกิจโตต่อเนื่อง

ปอร์เช่ เดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ ล่าสุดผนึกพันธมิตรยึด 2 ทำเลทอง กทม. และชลบุรี รับธุรกิจที่เติบโตขึ้นรวดเร็วหลังปรับแผนด้านขนส่ง ช่วยให้ลูกค้ารับรถได้เร็วขึ้น ปลื้มยอดขายปี 2564 ที่ทำได้เกินเป้า ด้วยยอดทะลุกว่า 235 คัน
นายธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ความนิยมบวกกับยอดขายปอร์เช่ในประเทศไทยเติบโตสูงขึ้น โดย เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส บริษัทในฐานะผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพการเติบโตของปอร์เช่ในประเทศไทย จึงประกาศหาผู้สนใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจจำนวน 2 ราย ทำหน้าที่ดีลเลอร์ดูแลในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี 1 ราย และพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ อีก 1 ราย จากปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการปอร์เช่ 2 แห่ง ได้แก่ สาขาวิภาวดีรังสิต และศรีนครินทร์ และยังมีโชว์รูมที่ไอคอนสยามและสยามพารากอน
“เอเอเอสเชื่อว่าตลาดยังมีศักยภาพอีกมาก เราจึงตัดสินใจประกาศรับสมัครดีลเลอร์ ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้สนใจสมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก และเราต้องเฟ้นหาและคัดเลือกดีลเลอร์ ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกปี 2565 น่าจะได้เห็นความชัดเจน”
นายธนบดีกล่าวว่า การเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม 2 แห่งนั้น ถือเป็นเฟสแรกของการดำเนินงาน ส่วนอนาคตคาดว่าจะมีการเปิดรับสมัครเพิ่มขึ้นอีก โดยบริษัทจะมุ่งเน้นไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพและโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีฐานลูกค้าปอร์เช่เป็นหลักก่อน อย่างชลบุรี จากการสำรวจแล้วพบว่าเป็นจังหวัดเศรษฐกิจที่มีศักยภาพและมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเยอะ
ส่วนเป้าหมายยอดขายในปี 2564 ขณะนี้ถือว่าทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว แต่จะสามารถจบที่ตัวเลขเท่าไรนั้น คงต้องรอตัวเลขอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ ความสำเร็จมาจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โปนั้น ทำได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ 200 คัน โดยทำได้ 235 คัน
“ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีมานด์สูงกว่าซัพพลายเยอะกว่าปกติ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนชิปทั่วโลก แต่สำหรับปอร์เช่ เอ.จี.ได้มีการปรับวิธีการปรับกลไกการของผลิตและส่งมอบรถปอร์เช่ให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และเอเอเอสได้ปรับระบบการขนส่ง จากเดิมที่ใช้วิธีการนำรถใส่ตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ต่อ 1 คันมาโดยตลอด แต่เมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 2564 เราได้เปลี่ยนวิธีการส่งรถจากโรงงานที่เยอรมนีใหม่ ด้วยโรลเลอร์ คือการนำรถยนต์ใส่เรือโดยตรงทำลดปัญหาเรื่องโลจิสติกส์ได้
ปัจจุบันลูกค้าอาจจะใช้ระยะเวลารอรถนาน เนื่องจากโควตาของรถในกลุ่มนี้ของปี 2022 ได้ถูกจับจองไปหมดแล้ว เช่นเดียวกับกลุ่มรถแบบเมดทูออเดอร์ ลูกค้าอาจจะต้องใช้เวลารออย่างน้อย 6 เดือน ขณะที่บางรุ่น บริษัทได้ปรับวิธีการสั่ง และขนส่ง ทำให้ปัจจุบันเรามีออเดอร์ แบงค์ เพื่อเตรียมรองรับให้กับลูกค้าได้อย่างเพียงพอเช่นกัน”