“บีโอไอ” ไฟเขียว “เชอรี” ตั้งฐานผลิตรถอีวีในไทย
เชอรี (Chery) แบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลกจากจีน ผ่านการอนุมัติจาก บีโอไอ เข้ามาลงทุนในไทยเป็นรายล่าสุด เปิดแผนเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกกลางปีนี้ ทดลองตลาด และเตรียมตั้งโรงงานที่ จ.ระยอง ผลิตรถอีวีพวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เริ่มผลิตในปี 2568
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ผลจากความพยายามในการดึงการลงทุนจากบริษัท เชอรี ออโตโมบิล (Chery Automobile) ให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้ประสบความสำเร็จตามแผนที่หารือกัน โดยบริษัท เชอรี ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของจีนและเป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ที่มียอดการส่งออกรถยนต์เป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง 21 ปี
ในปี 2566 เชอรี มียอดส่งออกกว่า 1.8 ล้านคัน ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชนิดพวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยโครงการนี้ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท เชอรี ออโตโมบิล ในประเทศไทย จะดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัท “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)” ซึ่ง OMODA และ JAECOO เป็นแบรนด์ของเชอรี สำหรับทำตลาดในต่างประเทศ โดยจะตั้งโรงงานที่จังหวัดระยอง ในเฟสแรก ภายในปี 2568 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบบีอีวี และเอชอีวี ปีละประมาณ 50,000 คัน และในเฟสที่ 2 ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิตถึงปีละ 80,000 คัน
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มแรก บริษัทจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก OMODA C5 EV ซึ่งเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ เอสยูวี ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% มาจำหน่ายเพื่อทดลองตลาด ตามมาด้วยรถยนต์พรีเมียม เอสยูวี ออฟโรดรุ่น JAECOO 6 EV, JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV พร้อมเปิดโชว์รูม 39 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค
ทั้งนี้ สำนักงานบีโอไอที่ประเทศจีนได้เริ่มหารือกับบริษัท เชอรี ตั้งแต่ปี 2564 จากนั้นได้มีการพบปะหารือ และให้ข้อมูลกับทีมงานของบริษัทเป็นระยะๆ ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 เลขาธิการบีโอไอ ได้เดินทางไปพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เชอรี ที่ประเทศจีน โดยได้นำเสนอมาตรการสนับสนุนใหม่ๆ ของภาครัฐ
รวมทั้งได้หารือแผนการลงทุนที่มีความชัดเจนมากขึ้น จนนำมาสู่การยื่นคำขอและการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 คณะผู้บริหารจากบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย ฉี เจี๋ย ประธานบริษัท ได้เข้าพบเลขาธิการบีโอไอ เพื่อหารือแนวทางการลงทุนในระยะต่อไป รวมทั้งการเข้าถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย ผ่านการประสานงานของบีโอไอด้วย
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในภูมิภาคและกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคเรามองเห็นโอกาสการลงทุนในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ของรัฐบาลไทยที่สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ โอโมดา แอนด์ เจคู โดยเรามุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนไทยให้มากที่สุด และเรามีความตั้งใจที่เลือกใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในไทย ซึ่งในอนาคตเราจะทำ Sourcing ชิ้นส่วนจากในประเทศด้วย”
สำหรับการส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (บีอีวี) ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (พีเอชอีวี) และไฮบริด (เอชอีวี) บีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมรวมทั้งสิ้น 26 โครงการ จาก 19 บริษัท รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท