“บีวายดี” ชูกลยุทธ์ ต่อยอดผู้นำอีวีโลก
บริษัทรถยนต์รายใหญ่จากจีน อย่าง บีวายดี ถือเป็นแบรนด์ที่เติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยกลยุทธ์ 7+4 Full Market EV เปลี่ยนรถทุกประเภททั่วโลกเป็น EV มุ่งสู่สังคมไร้คาร์บอน และเสริมสร้างต่อยอดไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลก จนสามารถกอบโกยยอดขาย สร้างการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
บีวายดี เริ่มต้นเปิดตัวรถยนต์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา กับรถพลังงานไฟฟ้า ATTO 3 โดยบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายในประทเศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งแบรนด์รถยนต์จากจีนรายนี้ใช้เวลาไม่นานในการสร้างยอดจำหน่ายที่โดดเด่น ล่าสุดมียอดส่งมอบแล้วกว่า 1.12 หมื่นคัน ก่อนที่จะเสริมตลาดรถที่ 2 คือ DOLPHIN ที่เตรียมประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ แต่ได้แจ้งราคาประมาณการไว้ก่อนหน้านี้คือบีวายดี ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัที่เริ่มต้นและเติบโตได้ดีในตลาดรถยนต์เมืองไทย
และในโอกาสที่มาเยือนโรงงาน และสำนักงานใหญ่ บีวายดี เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ผู้บริหารที่มานั่งพูดคุยด้วย ระบุว่า นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะเป็นสิ่งที่บีวายดี วางแผนไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะข้อมูลการตลาด และตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการดำเนินธุรกิจของ บีวายดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่บริษัทได้ลงมือทำและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บีวายดีเติบโตอย่างรวดเร็ว
การเติบโตของบีวายดีมีมาอย่างต่อเนื่อง และที่น่าสนใจคือ ปีล่าสุด 2565 ที่ผ่านมา ที่ยอดขายทั่วโลก ทั้ง อีวี (EV) และ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) มีรวมกว่า 1.86 ล้านคัน เติบโต 3 เท่าตัว จากปี 2564 ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลพวงมาจากการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 1 ปี
และในครั้งนี้เรามาย้อนดูแผนงานกลยุทธ์ของ บีวายดี ณ สำนักงานใหญ่ในเมืองเสิ่นเจิ้น โดยแบรนด์รถยนต์จากจีนรายนี้นับเป็นองค์กรธุรกิจที่มุ่งมั่นกับพลังงานที่มั่นคงมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน Sustainable economy BYD จัดเป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมระดับโลก มีแนวคิดในการพัฒนาที่โดดเด่น ภายใต้กลยุทธ์ “BYD 7+4 Full Market EV”
สำหรับกลยุทธ์ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ในการทำธุรกิจของ BYD บนผนังของห้องประชุมใหญ่ มีป้ายขนาดใหญ่ติดไว้ เขียนระบุไว้ชัดเจนทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ “Full Industrial Chain and Full Market Strategy” แปลความได้ว่า BYD 7+4 Full Market EV จะครอบคลุมรูปแบบการขนส่งภาคพื้นดินทั้งหมด เลข 7 คือประเภทของยานพาหนะทั่วไป ประกอบด้วยรถ 7 ประเภท ได้แก่ รถยนต์นั่ง Passenger Vehicles, รถแท็กซี่ Taxis, รถบัสโดยสาร Buses, รถทัวร์ Coaches, รถบรรทุกขนส่ง Urban Logistics Vehicles, รถบรรทุกที่ใช้ในงานก่อสร้าง Urban Construction Vehicles และรถขนส่งหรือรถพ่วงเพื่อการพาณิชย์ Urban Sanitation Vehicles
ขณะที่ เลข 4 คือประเภทรถกลุ่มพิเศษ ได้แก่ รถที่ใช้กับเหมืองแร่ Vehicles for Mining, รถเครนที่ใช้กับท่าเรือ Ports, รถขนส่งผู้โดยสารในสนามบิน Airports และรถโฟล์กลิฟต์ Warehousing
ด้วยกลยุทธ์ EV 7+4 จึงถือเป็นเป้าหมายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของ BYD ทุกประเภท ทุกกลุ่ม ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เติมเต็มความมุ่งมั่นของ BYD ที่จะเปลี่ยนแปลงการขนส่ง พร้อมทั้งกำจัดเชื้อเพลิงแบบฟอสซิล
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้บีวายดี เติบโตได้รวดเร็ว คือการมีศูนย์ออกแบบของตนเอง ซึ่งเริ่มต้นเป็นครั้งแรกในปี 2562 นอกจากนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนา หรืออาร์แอนด์ดี โดยปัจจุบันเปิดดำเนินการทั่วโลกถึง 10 มีบุคลากรที่ทำงานในส่วนนี้ 6.9 หมื่นคน หรือมากกว่า 10% ของพนักงานทั่วโลกประมาณ 6 แสนคน
สำหรับแนวทางการพัฒนาอีวี นอกจากการมีรถที่หลากหลาย ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การเปิดตัว อี-แพลตฟอร์ม (E-Platform) โดยเป็นแพลตฟอร์มรถพลังงานไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่น สามารถพัฒนาโครงสร้างตัวถังได้หลายรูปแบบ และหลายยี่ห้อ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างแพลตฟอร์มอีวี ที่เรียกว่า Cell to Body หรือการจัดวางเซลล์แบตเตอรี่เป็นหนึ่งในโครงสร้างรถ ไม่ได้แยกจากกันเหมือนที่ผ่านมา ที่ต้องผลิตแบตเตอรี่ จากนั้นจึงนำแพ็คแบตเตอรี่ไปติดตั้งกับรถในตำแหน่งต่างๆ ที่เหมาะสม
และนี่ถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานธุรกิจของแบรนด์ บีวายดี ที่เป็นตัวอย่างความเคลื่อนไหวที่ทำให้ธุรกิจขยายตัวเร็ว เกิดจากการขับเคลื่อนตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบัน บีวายดี ยังมีโครงการที่รออยู่อีกมากมาย