ตลาดรถ ก.ย.ชะลอตัว กระบะดิ่งหนัก 43.6%

สถานการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ประจำเดือนกันยายน ยังคงปรับตัวตามทิศทางเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลให้เกิดการชะลอตัว ด้วยยอดขาย 62,086 คัน ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยังคงเป็นตลาดที่หดตัวมากที่สุดถึง 43.6% ด้วยยอดจำหน่าย 23,343 คัน
ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยปรับตัวเข้าสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ หลังผ่านวิกฤติโควิด-19 ขณะที่ปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนก็ค่อยๆ คลี่คลายลง รวมไปถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ดี ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กลับมีทิศทางที่ชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่ง โดยตลาดรถยนต์เชิงพาณิชย์มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากปีก่อน เนื่องจากต้องเผชิญแรงกดดันจากรายได้เกษตรกรที่ชะลอตัว สวนทางกับตลาดรถยนต์นั่งจะเป็นแรงส่งสำคัญ เพราะได้รับอานิสงส์การฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ทั้งในแง่การจ้างงาน และรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น

default
จากรายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน จะพบว่าตลาดรถยนต์นั่งยังเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 10.4% ด้วยยอดขาย 25,425 คัน เป็นผลมาจากการเติบโตของเซ็กเมนต์อีโคคาร์ ด้วยยอดขาย 15,368 คัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวที่ 28.3% ด้วยยอดขาย 36,661 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน หดตัวถึง 43.6% ด้วยยอดจำหน่าย 23,343 คัน จากการชะลอการตัดสินใจซื้ออย่างต่อเนื่องของภาคประชาชน และภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาคธุรกิจขนส่ง อันเป็นผลมาจากภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว โดยมีอุปสรรคสำคัญ คือ ความเข้มงวดของสถาบันการเงินที่มีความกังวลต่อหนี้เสีย อันเป็นผลต่อเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
ส่วนการคาดการณ์ตลาดรถยนต์เดือนตุลาคม เดินหน้าเข้าสู่ช่วงไฮซีซันไตรมาสสุดท้ายของปี บรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ พร้อมทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ พ่วงด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อหวังกระตุ้นยอดขาย อย่างไรก็ตาม ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขยายตัวของตลาดรถยนต์ต่อไป