เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ ปรับแนวคิดกลยุทธ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz เตรียมส่งผลิตภัณฑ์ “เดอะ นิว ซีแอลเอ” เจเนอเรชันใหม่ ขุมพลังไฟฟ้า 100% ในชื่อ CLA250+ with EQ Technology กับแพลตฟอร์มใหม่ MMA ประกอบในไทย ชูจุดขายหลัก ระยะทางขับขี่ เอื้อเดินทางไกล ตั้งเป้าเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการรถอีวีพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้ พร้อมเผยโฉมตัวจริงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ลุ้นราคา คาดส่งมอบจะเริ่มได้ช่วงต้นปี 2569

            หลังจากไม่ได้เห็นความเคลื่อนไหวของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เลยนับตั้งแต่ช่วงต้นปีหลังเสร็จสิ้นงานมอเตอร์โชว์ 2025 ล่าสุดทางแบรนด์ดวงดาว เริ่มมีการขยับตัวให้เห็นได้จากการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นของรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวสร้างไฮไลต์ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสกับขั้นสุดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับโลกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในไทยนั้น เรามีการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ โดยเริ่มต้นด้วยการนำรุ่นแฟลกชิปในเซ็กเมนต์ Top-End Luxury อย่าง EQS มาเปิดตัวครั้งแรกในปี 2565 ทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบในประเทศ

ทั้งนี้เพื่อทำให้คนไทยได้สัมผัสกับขั้นสุดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับโลกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก่อนที่ในปี 2566–2567 จะเริ่มเปิดตัวรถยนต์ในเซ็กเมนต์ Entry Luxury อย่าง EQB 250 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนไปถึงการเปิดตัว EQE 350 4MATIC SUV, EQE 53 4MATIC+, EQE 300 และ EQS 450 4MATIC SUV ตามลำดับ ซึ่งจากระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีความเข้าใจในโจทย์และความพร้อมของผู้บริโภคชาวไทยสำหรับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นอย่างดี

หากย้อนกลับไปจากเดิมที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะใช้ซับแบรนด์ Mercedes-EQ ซึ่งเป็นไลน์อัปรถยนต์ไฟฟ้า แต่เราจะเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz ทั้งหมด โดยรถยนต์ทุกรุ่นที่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จะใช้ชื่อรุ่นตามด้วย “with EQ Technology”

โดยกลยุทธ์การทำตลาดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในไทยต่อจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังให้ เดอะ นิว ซีแอลเอ เป็นโมเดลสำคัญที่จะเข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยที่มองหารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในเซ็กเมนต์ที่จับต้องได้

ทั้งนี้ CLA 250+ with EQ Technology จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทย ด้วยแพลตฟอร์ม MMA ที่ทำให้กระบวนการผลิตรถยนต์ของทุกระบบขับเคลื่อนมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อการกำหนดโครงสร้างราคาของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จะเปิดตัวในอนาคต

จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า CLA 250+ with EQ Technology ในด้านสมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้สามารถทำกำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร รวมถึงการติดตั้งแบตเตอรี่ 800V ขนาด 85 kWh ที่ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุด 792 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จ DC Charge สูงสุด 320 kW โดยการชาร์จเพียง 10 นาที ด้วยกระแสไฟเต็มกำลัง จะสามารถขับขี่ได้ไกลถึง 325 กิโลเมตร

เดอะ นิว ซีแอลเอ ยังโดดเด่นในด้านดีไซน์ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด Sensual Purity ดีเอ็นเอของแบรนด์ที่สะท้อนไอคอนนิกสไตล์อันหรูหราและเรียบง่าย แต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตา นำเสนอสัญลักษณ์ดวงดาวของแบรนด์ให้เข้ากับองค์ประกอบต่างๆ ของตัวรถ อาทิ กระจังหน้า Starpanel ในรูปแบบไฟแอนิเมชัน โคมไฟหน้าติดตั้ง Daytime Running Light รูปทรง Star Shaped และไฟท้าย Digital Jewelry ที่ผสานเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ออกมาเป็นรายละเอียดของอัญมณีที่ลงตัว

ดีไซน์ภายในของ เดอะ นิว ซีแอลเอ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนหินญี่ปุ่น หรือ Zen Garden สะท้อนศิลปะแห่งการลดทอนและคงไว้เฉพาะสิ่งที่เป็นแก่นแท้ เหลือไว้เพียงส่วนประกอบที่เป็นหัวใจของวิศวกรรมยานยนต์ เช่น การใช้วัสดุกระจกบนจอกลาง MBUX Superscreen วัสดุโลหะบนคอนโซลกลาง และวัสดุหนังบนแผงบุนุ่มบริเวณข้างประตู

เดอะ นิว ซีแอลเอ ยังถือเป็นรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่ผสานการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้วยระบบ MBUX Virtual Assistance ที่ร่วมมือกับ Google เชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชันระดับโลกมากมาย อาทิ ChatGPT, Gemini, Google Maps, Microsoft Teams, Webex, Zoom ฯลฯ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังให้ เดอะ นิว ซีแอลเอ เป็นโมเดลสำคัญเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการรถอีวีระดับพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้ และจะเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ในการผลักดันการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย