“ซีอาร์-วี” เริ่ม 1.419 ล้าน 5 รุ่นย่อย ไฮบริด-เทอร์โบ

ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดตัวเจเนอเรชันที่ 6 ของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี อย่างเป็นทางการ ตอบโจทย์การใช้งานภายใต้ 2 ขุมพลังทางเลือก ฟูลไฮบริด e:HEV และ VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ มาพร้อม 5 รุ่นทางเลือก เคาะราคาจำหน่าย 1,419,000-1,729,000 บาท
หลังการเปิดตัวในตลาดโลกสำหรับเนเนอเรชันที่ 6 ของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี รถอเนกประสงค์ยอดนิยมประจำค่าย ล่าสุดเป็นคิวของประเทศไทย ที่เปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวเป็นทางการ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ซึ่งเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย
มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า ซีอาร์-วี คือหนึ่งใน Global Model ที่สำคัญของฮอนด้า ประสบความสำเร็จด้านยอดขายและครองใจลูกค้าทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เจเนอเรชันแรก เข้ามาเปิดตลาดเอสยูวีและทำให้รถเอสยูวีเป็นที่นิยมยิ่งขึ้น ตลอดระยะเวลากว่าเกือบสามทศวรรษ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ฮอนด้า ซีอาร์-วี คือยอดนิยม ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 183,000 คัน”
“ฮอนด้า ซีอาร์-วี เจเนอเรชันที่ 6 พร้อมมอบคุณค่าใหม่ ยกระดับมาตรฐานของเอสยูวีไปอีกขั้น มาพร้อม 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน ได้แก่ ระบบฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลังเทอร์โบ ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย โดยการเปิดตัว ซีอาร์-วี ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเอสยูวีในประเทศไทยอีกด้วย”
สำหรับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มาภายใต้ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สปอร์ตพรีเมียมด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ, ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential รวมถึงไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
ตามยุคสมัยด้วย หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ เติมเต็มด้วยเสาอากาศครีบฉลาม รวมถึงปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว
ยกระดับความสปอร์ตในรุ่น RS แสดงความเป็นตัวตนด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า, กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ, ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ, คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Gloss Black, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black, ไฟตัดหมอกหลัง LED, สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black, เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black และล้ออัลลอย 19 นิ้ว สไตล์สปอร์ต
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เติมเต็มด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม โดดเด่นด้วยชุดตกแต่งภายในที่พรีเมียม เสริมลุคสปอร์ตรุ่น RS ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black, เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง, พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
ครบครันด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ประกอบด้วย ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า, ระบบเครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, ระบบนำทางเนวิเกเตอร์, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto, มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย และช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง
มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ภายใต้ 2 ขุมพลังทางเลือก ได้แก่ ฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง
มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ระบบฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น e:HEV RS 4WD ราคา 1,729,000 บาท และรุ่น e:HEV ES ราคา 1,589,000 บาท ส่วนเครื่องยนต์เทอร์โบ มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น EL 4WD ราคา 1,649,000 บาท, รุ่น ES 4WD ราคา 1,599,000 บาท และรุ่นE ราคา 1,419,000 บาท