“ซีวิค” ครองตลาด “ไฮบริด” แรงต่อเนื่อง ตอกย้ำความนิยมขุมพลังทางเลือก
ฮอนด้า ซีวิค ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคในตลาดคอมแพ็คคาร์ ด้วยความโดดเด่นในเรื่องรูปโฉม บวกกับสมรรถนะการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้สามารถเก็บเกี่ยวตัวเลขครองเจ้าตลาดหลังผ่าน 8 เดือน ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 9,000 คัน ครองส่วนแบ่งทางตลาดมากกว่า 60% โดยเฉพาะรุ่นล่าสุด ภายใต้ขุมพลังฟูลไฮบริด ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไล่ล่าเป้าหมาย 8,000 คัน ภายใน 1 ปี
ค่ายฮอนด้าเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วย ฮอนด้า ซีวิค อี-เอชอีวี รถยนต์ไฮบริดรุ่นล่าสุดในตลาดรถยนต์บ้านเรา มาพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัยครบครัน ทั้งยังโดดเด่นในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม รวมถึงสมรรถนะการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยตั้งเป้าเก็บเกี่ยวยอดขาย 8,000 คัน ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังส่งลงทำตลาดในประเทศไทย สานต่อความนิยมของรุ่นก่อนหน้า ที่ครองตลาดคอมแพ็คคาร์มาอย่างยาวนาน
การเสริมทัพรุ่นล่าสุด ส่งผลให้ในปัจจุบัน ฮอนด้า ซีวิค มีขุมพลังให้เลือกใช้ 2 พิกัด ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 เทอร์โบ และเครื่องยนต์ฟูลไฮบริด ซึ่งเดินไปตามแนวทางค่ายฮอนด้า เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ และสร้างสังคมปลอดมลพิษให้เกิดขึ้นจริง ตามเป้าหมายในปี 2593
ด้วยฐานแฟนบวกกับความโดดเด่นน่าสนใจ ส่งผลให้ได้รับความนิยมและการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค สามารถเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายครองเจ้าตลาดคอมแพ็คคาร์ หลังผ่าน 8 เดือนของปีนี้ ด้วยยอดขายสะสมทั้งสิ้น 9,024 คัน จากยอดขายรวม 14,459 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 62.4% เหนือคู่แข่งในตลาดอย่าง โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส และมาสด้า3 ที่รั้งอันดับ 2 และ 3 ที่ครองสัดส่วน 29.5% และ 8.1% ตามลำดับ
โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ฮอนด้า ซีวิค สามารถขยับยอดขายที่อยู่ในหลักร้อยนับตั้งแต่เดือนเมษายน เป็นตัวเลข 4 หลักได้ หลังเปิดราคาขาย ฮอนด้า ซีวิค อี-เอชอีวี อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ในเดือนถัดมาเก็บยอดขายไปได้ถึง 1,341 คัน และ 1,078 คัน ในเดือนสิงหาคม
เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภาพรวมของค่ายฮอนด้าที่เติบโตเพิ่มในขึ้นในเดือนสิงหาคม ถึง 32.3% ด้วยยอดขายทั้งสิ้น 7,071 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 10.4% จำแนกเป็นตัวเลขของรถยนต์นั่งทั้งสิ้น 5,817 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 18.6% คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 25.8% ทว่า ภาพรวมหลังผ่านเดือน 8 กลับลดลงเล็กน้อย ราว 1% ด้วยยอดขายสะสม 54,488 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 9.7% รั้งอันดับ 3 ตลาดรถยนต์รวมรองจาก 2 ค่ายเจ้าตลาด
สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจน ด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย กระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีใหม่
ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมในรุ่น e:HEV RS ด้วยดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟรอบคัน มาพร้อมกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม และกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตพรีเมียม ด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระ ซ้าย-ขวา ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และฮอนด้า คอนเนค เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้เหมาะสม ด้วยโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode), โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่ ECON Mode, Normal และ Sport Mode ตอบสนองการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล ตอบสนองความต้องการแฟนสายพันธุ์สปอร์ต โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก ได้แก่ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก, แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต, คิ้วบันได LED, ฝาครอบกระจกมองข้าง, คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า, ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส, คิ้วตกแต่งกระจังหน้า, คิ้วตกแต่งกันชนหลัง และไฟส่องสว่างที่เท้า
ทั้งยังสามารถเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 3 แพ็กเกจ ได้แก่ Sport Package ราคา 8,900 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า และคิ้วตกแต่งกันชนหลัง รวมถึง Exclusive Sport Package ราคา 17,200 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า คิ้วตกแต่งกันชนหลัง และสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก หรือ Modulo Aero Package ราคา 18,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง