“กระบะ” ร้อนแรง 2 แบรนด์ 2 สไตล์ ดันยอดขาย ย้ำความสำคัญประเทศไทย
ภาพรวมของตลาดรถกระบะยังคงเดินไปในทิศทางอันยอดเยี่ยม ด้วยความเข้มข้น ซึ่งเป็นผลของการขยับตัวจากหลากหลายค่าย สร้างโอกาสชิงส่วนแบ่ง แชร์ยอดขาย ตอกย้ำความสำคัญของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิต ร่วมขับเคลื่อนด้วยเบอร์ใหญ่และเบอร์รอง ที่ขยับตัวได้อย่างน่าสนใจ ท่ามกลางการขับเคี่ยวภายใต้บทบาทของรถกระบะยุคใหม่
ด้วยความอเนกประสงค์ของการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ทั้งในบทบาทของยานพาหนะและเครื่องมือทำมาหากิน ส่งผลให้ Pickup หรือรถกระบะ ได้รับความนิยมเป็นที่กว้างขวาง และครองสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ซึ่งหลายค่ายวางประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังทั่วโลก มากกว่า 100 ประเทศ
ส่องกล้องมองตลาดรถกระบะหลังผ่านช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งผลโดยตรงต่อทุกภาคส่วน ไล่เรียงตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องปรับเปลี่ยนสู่ความปกติใหม่ ไปจนถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ที่ต้องขยับตัวเพื่อเยียวยาช่วงเวลาที่ขาดหายไป สร้างการเติบโตด้านยอดขาย คืนความคึกคักให้กับตลาดได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทั้งกลยุทธ์ทางการตลาดและรถรุ่นใหม่ๆ ที่ส่งลงสู่ตลาด
นอกจากการขับเคี่ยวของ 2 แบรนด์เจ้าตลาด ค่ายฟอร์ด นับเป็นผู้เล่นที่สามารถยกระดับตัวเองได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งเป็นผลจากทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นที่ตลาดรถกระบะและรถอเนกประสงค์ มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากผู้บริโภค สร้างการเติบโตให้กับ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถขยับขึ้นรั้งอันดับ 3 ในตลาดรถกระบะและรักษาทิศทางอันยอดเยี่ยมไว้ได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ด้วยความโดดเด่นของโปรดักต์ อย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ ภายใต้รุ่นย่อยที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ส่งผลให้ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทย ทั้งยังเป็นผู้นำและเป็นผู้เปิดตลาดกระบะพรีเมียมในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มาพร้อมกระแส แร็พเตอร์ ฟีเวอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้ค่ายฟอร์ดเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ
รวมถึง เน็กซ์- เจน ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่เขย่าเวที บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สามารถสานต่อความนิยมได้อย่างยอดเยี่ยม ปูพรมด้วยรุ่นย่อยทั้งสิ้น 20 รุ่น ได้แก่ เรนเจอร์ แร็พเตอร์, ไวลด์แทรค, สปอร์ต, XLT, XL+ และ XL พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานของลูกค้าทั้งในรูปแบบการขับขี่บนเส้นทางออนโรดและออฟโรด รองรับการทำงาน ค้าขาย รวมถึงการใช้ชีวิตกับครอบครัว หรือเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน
โดย นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวถึงรถธงว่า “เราตั้งใจที่จะพัฒนารถฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ให้เป็นเพื่อนร่วมทางที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ เป็นรถกระบะที่ชาญฉลาดที่สุด อเนกประสงค์ที่สุด และสมบุกสมบันที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมาในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ และเป็นรถกระบะที่คนทั่วโลกให้ความไว้วางใจว่าจะพร้อมลุยได้ในทุกสถานการณ์”
ด้วยทิศทางที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้ฟอร์ดสามารถเก็บเกี่ยวยอดขายในตลาดรถกระบะไปได้ทั้งสิ้น 29,839 คัน หลังผ่าน 11 เดือน ขยับเพิ่มขึ้น 24.9% ครองส่วนแบ่ง 8.5% จากภาพรวมของตลาดที่มียอดขาย 352,807 คัน เพิ่มขึ้น 15.7% ครองตลาดโดยอีซูซุ ด้วยยอดขาย 161,556 คัน เพิ่มขึ้น 18.9% ถือส่วนแบ่ง 45.8% รองลงมาได้แก่ โตโยต้า มียอดขาย 132,776 คัน เพิ่มขึ้น 16.1% ครองแชร์ 37.6%
ซึ่งเป็นผลพวงจากการขยับตัวของ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าทำตลาดช่วงท้ายปี ด้วยรถรุ่นใหม่ครบครัน ทั้งในกลุ่มรถกระบะและรถอเนกประสงค์ หลังเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายครองสัดส่วนเกินครึ่งหนึ่งของตลาดรถกระบะหลังผ่าน 9 เดือน สานต่อความนิยมด้วย อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นปรับโฉม ที่มีให้ลูกค้าเลือกใช้ถึง 36 รุ่นย่อย ตอบสนองความต้องการในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวในวันเปิดตัวว่า “อีซูซุ ขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การตอบรับรถอีซูซุอย่างดีเสมอมา เราคำนึงและต้องการตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้รถเมืองไทยอย่างแท้จริง นอกจากการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายในแล้ว อีซูซุยังให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยในการขับขี่ เป็นครั้งแรกของวงการรถปิกอัพเมืองไทย กับนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ที่ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่อัจฉริยะ เติมความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถอีซูซุ”
ทั้งยังตอกย้ำความเป็นผู้นำรถกระบะสไตล์สปอร์ต ภายใต้รหัส เอ็กซ์-ซีรี่ส์ ที่เฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 12 นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2553 และสานต่อความนิยมด้วยรถรุ่นใหม่ ภายใต้รหัสดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่สร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์อีซูซุในประเทศไทย รวมถึงรถรุ่นอื่นๆ ในไลน์อัปที่หลากหลายครบครัน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
จากการขยับตัวของเจ้าตลาดเพื่อสานต่อความนิยมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ รวมถึงผู้เล่นฟอร์มฮอตที่สามารถยกระดับมาตรฐานได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพิ่มความร้อนแรงให้กับตลาดรถกระบะได้อย่างน่าสนใจ ตอกย้ำความเข้มข้นและความเคี่ยวของตลาด ซึ่งไม่ใช่งานง่ายที่จะสามารถขยับส่วนแบ่ง หากโปรดักต์ไม่สามารถตอบโจทย์ รวมถึงแบรนด์ไม่มีความแข็งแกร่งและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้จริง
เชื่อได้ว่า หลังจากนี้การขับเคี่ยวจะยังคงเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลดีสำหรับผู้บริโภค ด้วยทางเลือกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงของที่จะใส่มาให้นั้น ต้องไม่น้อยไปกว่าคู่แข่งในตลาดด้วยเช่นกัน เมื่อดูจากทิศทางแล้ว มีความน่าสนใจไม่น้อยกับสัดส่วนของตลาดรถกระบะในอนาคต โดยเฉพาะบรรดาเบอร์รองที่จะขยายพื้นที่ แย่งชิงส่วนแบ่งได้มากน้อยเพียงใด