“เอ็มจี” ปั้น “อีวี-ไฮบริด” โกยแชร์ 4% จบสิ้นปี 67
เอ็มจีเร่งเครื่องครึ่งปีหลัง 2567 ผนึกกำลังตัวแทนผู้จำหน่าย ย้ำแนวทางขับเคลื่อนอีวีเคียงคู่ไฮบริด ตั้งเป้าปีนี้ขอกินส่วนแบ่งทางการตลาด 4% ล่าสุดส่ง ออล นิว เอ็มจี3 พลัส โกลบอลโมเดล ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ เดินหน้าทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยราคาที่สุดคุ้ม
มร.ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการรุกตลาดครึ่งปีหลัง MG เตรียมแผนขยายฐานลูกค้าด้วยยนตรกรรมไฮบริดที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ทั้งคัน ซึ่งยานยนต์กลุ่มสันดาปจะถูกแทนที่ด้วยยานยนต์ไฮบริดประสิทธิภาพสูง ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับการพัฒนาให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น ควบคู่กับการบริการที่ถูกยกระดับในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การตั้งราคาที่คุ้มค่า สมเหตุสมผล และการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น การรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน ที่สร้างความมั่นใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้คนไทย พร้อมตั้งเป้าครึ่งปีหลังครองส่วนแบ่งทางการตลาด 4%
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ในครึ่งปีแรก ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ จากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย การเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และมีการแข่งขันในเรื่องของราคาจำหน่ายรถที่ดุเดือด เข้มข้น รวมถึงการมีบรรดาผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรกของปี 2567 (ยอดจดทะเบียน 345,150 คัน) จะลดลงสูงถึง 24% เมื่อเทียบกับยอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกของปี 2566 (ยอดจดทะเบียน 451,521 คัน) แต่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริด กลับเติบโตสวนกระแสตลาด
และหากพิจารณาสัดส่วนยอดขายของเอ็มจี ครึ่งปีแรกพบว่า กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าทำยอดขายได้มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 55% และอีก 45% เป็นกลุ่มเครื่องยนต์สันดาปและพลังงานทางเลือก ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ของตลาดเช่นกัน จึงสะท้อนให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานทางเลือกอย่างแท้จริง
ล่าสุด เอ็มจีได้เปิดตัวรถยนต์ในกลุ่มเอชอีวี ในชื่อ ออล นิว เอ็มจี3 ไฮบริด พลัส ที่นับเป็นหนึ่งในโกลบอลโมเดลของเอ็มจีที่ทำตลาดอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน ล่าสุดได้นำมาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ทั้งคัน และถูกยกให้เป็นไฮบริดยุคใหม่ที่ครบเครื่อง ทั้งดีไซน์ สมรรถนะการขับขี่ และอัตราประหยัด น้ำมัน 1 ถัง ขับได้ไกลมากกว่า 800 กิโลเมตร
และเพื่อยกระดับความสามารถของผู้จำหน่ายในการทำตลาด เอ็มจีจึงมีการปรับกลยุทธ์การสื่อสารที่พุ่งเป้าไปที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เชิงลึก ความคุ้มค่าที่แท้จริง เพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่ตอบโจทย์กับการใช้งานให้ได้มากที่สุดรวมไปถึงการผนึกกำลังกับผู้จำหน่ายกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ ขับเคลื่อนแบรนด์ให้สอดรับกับกระแสหรือเทรนด์ใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยผลักดันเป้าหมายในการครองส่วนแบ่งทางการตลาด 4% คือ การยกระดับงานขาย และการบริการ ซึ่งหลังจากที่เอ็มจีขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปสู่ระดับพรีเมียม นำโดย NEW MG MAXUS 9, NEW MG MAXUS 7 และ NEW MG CYBERSTER จึงมุ่งเน้นการยกระดับบริการหลังการขายให้สอดรับกับผลิตภัณฑ์ โดยการสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ และการบริการหลังการขายที่มีคุณภาพผ่าน MG EV EVolution Showroom ทั้ง 9 แห่ง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการบริการหลังการขายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมโดยเฉพาะ