ส่องกล้อง By The Great MG ES โดดเด่นน่าใช้ สไตล์แวกอน

ค่ายเอ็มจี ตอกย้ำบทบาทผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วย เอ็มจี อีเอส สเตชั่นแวกอน ที่เข้ามาสานต่อความนิยมของ เอ็มจี อีพี ที่แม้จะไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร แต่ก็นับว่าเป็นการเปิดตลาดและสร้างความคุ้นชินให้กับผู้บริโภค ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นปรับโฉมอย่าง เอ็มจี อีเอส ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องรูปร่างหน้าตา และสมรรถนะการใช้งานที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
ไล่เลียงจากรูปโฉมภายนอกที่เติมความโฉบเฉี่ยวด้วยชุดกันชนหน้าไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Light Curtain Design เสริมการใช้งานด้วยชุดราวหลังคา รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง ตกแต่งด้วยเส้นสายโทนสีฟ้า พร้อมเบาะนั่งวัสดุหุ้มหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN ให้ผิวสัมผัสคล้ายยีนส์ ชุดเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ ยกขอบปีกข้าง พร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats กระจายน้ำหนักและรองรับสรีระของผู้นั่งให้ดียิ่งขึ้น
ตอบสนองการใช้งานด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) ให้พละกำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ให้การตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น ทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง เสริมสร้างประสบการณ์การขับขี่ขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่ปรับได้ 3 ระดับ
มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 กิโลวัตต์-ชั่วโมง มีการปรับปรุงให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 22% และระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้สมรรถนะในการขับเคลื่อนได้ไกลถึง 412 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
รองรับการชาร์จทั้งแบบ Quick Charge จาก 0%-80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW ใช้เวลาการชาร์จจาก 0%-100% ภายในเวลา 7 ชั่วโมง 15 นาที ทั้งยังรองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถไฟฟ้าให้เป็นแหล่งจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์
เติมเต็มความปลอดภัยด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF ที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM และระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 20 ระบบ ทั้งยังมาพร้อมกับระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ในรูปแบบ Lite Version สามารถควบคุมและรับการแจ้งเตือนสำคัญของรถเอ็มจีของตัวเองได้เพียงปลายนิ้ว
ในเบื้องต้นนับว่าการปรับโฉมของสเตชั่นแวกอนพลังงานไฟฟ้าจากค่ายเอ็มจี ยกระดับความทันสมัยและโฉบเฉี่ยวได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ดูพรีเมียมและมีมิติมากยิ่งขึ้น รวมถึงการตกแต่งภายใน โดยเฉพาะวัสดุหุ้มหนังสังเคราะห์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนผ้ายีนส์ เพิ่มความโดดเด่นและน่าสนใจได้เป็นอย่างดี เมื่อตัดกับวัสดุอื่นๆ ภายในห้องโดยสาร
ด้านสมรรถนะการใช้งาน ยังไม่สามารถให้รายละเอียดและความรู้สึกหลังการใช้งานได้ อย่างไรก็ดีด้วยระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้งราว 400 กิโลเมตร ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้อย่างคล่องตัวสำหรับชีวิตคนเมืองที่ใช้เดินทางต่อวัน แต่ถ้าวันไหนอยากออกทริปเดินทางก็ต้องวางแผนและเผื่อเวลาให้ดีๆ หากไม่อยากหัวเสีย
โดยภาพรวม เอ็มจี อีเอส ยังคงเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์พลังงานไฟฟ้าสักคัน ที่มีความโดดเด่นในสไตล์ของสเตชั่นแวกอน ทั้งยังมั่นใจได้ในเรื่องของการบริการ ด้วยจำนวนศูนย์บริการที่ขยายตัวรองรับผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน บวกกับค่าตัวราคาต่ำล้าน น่าจะช่วยกระตุ้นให้ตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
รายละเอียดทางเทคนิค
ชื่อรุ่น MG ES
มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง (มิลลิเมตร) 4,600 x 1,818 x 1,543
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) 2,665
ระยะห่างระหว่างล้อหน้า/หลัง (มิลลิเมตร) 1,558/1,553
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร) 115
มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor
พละกำลัง (แรงม้า) 177
แรงบิด (นิวตัน- เมตร) 280
แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน
ความจุ (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) 51
ระยะทางวิ่งสูงสุด (กิโลเมตร) 412
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 5.65
ระบบช่วงล่าง หน้า อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชั่นบีม
ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
ล้อ หน้า/หลัง ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว
ยาง หน้า/หลัง MICHELIN PRIMACY ขนาด 215/50R17
ราคาจำหน่าย 959,000 บาท