ลองขับ By The Great Mercedes-Benz Driving Events 2022 โชว์สมรรถนะรถ ยกระดับผู้ขับขี่

ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ เฉลิมฉลองปีที่ 55 ของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ผ่านกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2022 จัดทัพสปอร์ตลักชัวรีสายพันธุ์แรงให้สื่อมวลชน รวมถึงลูกค้า ได้ทดสอบสมรรถนะครบครัน พร้อมยกระดับการขับขี่ผ่านการเทรนของผู้ฝึกสอนมืออาชีพ 2 ท่าน ได้แก่ มร.ปีเตอร์ แฮคเก็ตต์ นักขับผู้สร้างประวัติศาสตร์ในการคว้าแชมป์ในรายการ Australia Formula 4000 และ Formula 3 Championship ได้เป็นคนแรก และ มร.มิคโค เพ็ตเทอรี นาสซี ผู้เป็นทั้งนักขับรถแข่งและโค้ชอาชีพที่ทำงานกับนักขับในทุกระดับ
มร.โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วาระครบรอบ 55 ปีของ Mercedes-AMG นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของรถยนต์สายพันธุ์แรงจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับแฟนพันธุ์แท้ของรถยนต์ตระกูลเอเอมจีในประเทศไทย เราจึงจัดการทดสอบสมรรถนะรถยนต์อย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้”
“พร้อมด้วยทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพระดับโลกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาคอยให้คำแนะนำกับลูกค้าและสื่อมวลชนที่ได้เข้ามาร่วมทริปที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในครั้งนี้กับเรา โดยทุกท่านจะได้สัมผัสถึงสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างถึงแก่น ภายใต้การดูแลของมืออาชีพและความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเรามุ่งหวังว่าจะเป็นกิจกรรมที่ทุกคนจะได้สนุกและเก็บเกี่ยวความเร้าใจไปด้วยกันตลอดทริปนี้”
ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทย กับการยกทัพรถยนต์สายพันธุ์แรง ภายใต้รหัส AMG หลากหลายรุ่นมากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา นำโดย Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ เพื่อให้ได้ทดสอบขุมพลังกันอย่างเต็มที่ พร้อมพาลูกค้าและสื่อมวลชนก้าวข้ามขีดความสามารถของตนเองขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเรียนรู้เทคนิคการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ บนสังเวียนระดับโลก ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
สำหรับกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2022 แบ่งการทดสอบออกเป็น 4 สถานี พร้อมแบบฝึกหัดสุดท้าทายในการขับขี่แบบเต็มสนาม โดยผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประสบการณ์จริงจากการฝึกทักษะแต่ละด้าน โดยผู้ฝึกสอนมืออาชีพมาร่วมให้คำแนะนำเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยม เทคโนโลยี และนวัตกรรมอันก้าวล้ำ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ทุกรุ่น
สำหรับสถานีที่ 1 Emergency Brake and Avoid เป็นการทดสอบระบบเบรก ระบบความปลอดภัยภายในรถยนต์ อันได้แก่ ระบบ ESP® และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) และเป็นการทดสอบความเร็วในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของตัวผู้ขับขี่เอง โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะได้ขับรถออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วประมาณ 80-120 กม./ชม. และเมื่อได้รับสัญญาณจากผู้ฝึกสอน ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องเหยียบเบรก และหักเลี้ยวหลบสิ่งกีดขวาง รถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C 220 d AMG Dynamic, C 200 d Avantgarde, E 200 Coupe AMG Dynamic, S 350 d Exclusive และ S 580 e AMG Premium
สถานีที่ 2 Drag Race เป็นการทดสอบอัตราเร่งของรถยนต์กลุ่มสมรรถนะสูง Mercedes-AMG พร้อมทั้งทดสอบปฏิกิริยาตอบรับของผู้ขับขี่และได้ทดสอบระยะเบรก รถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC ส่วนสถานีที่ 3 Gymkhana เป็นสถานีที่จำลองมาจากกีฬามอเตอร์สปอร์ตชนิดหนึ่ง โดยผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ฝึกบังคับรถยนต์ในสนามจำลองเล็กๆ ที่มีอุปสรรคมากมาย ภายในเวลาที่รวดเร็วที่สุด และปลอดภัยที่สุด ภายใต้รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น A 200 AMG Dynamic, A 200 Progressive, GLA 200 AMG Dynamic, GLA 200 Progressive และ C 200 Coupe AMG Dynamic
ขณะที่สถานีที่ 4 Corner Theory เป็นสถานีทดสอบการเข้าโค้ง ที่จะใช้พื้นที่โค้งภายในสนามทั้งหมด 5 โค้งด้วยกัน ซึ่งแต่ละโค้งจะมีความกว้างแตกต่างกันไป ทำให้ผู้ขับขี่ได้ทดสอบการควบคุมความเร็วของรถยนต์ได้อย่างเต็มที่ โดยในแต่ละโค้งจะมีสิ่งกีดขวางที่วางไว้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ให้กับผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ทราบถึงสิ่งที่ควรทำเมื่อเข้าโค้งนั้นๆ เช่น จุดเบรก จุดเลี้ยว หรือจุดเอเป็ก ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเดินคันเร่งส่งรถออกไปจากโค้งได้ปลอดภัย และรวดเร็วที่สุด โดยรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe
หลังจากผ่านการทดสอบในสถานีต่างๆ เพื่อเรียนรู้คาแรกเตอร์ของรถที่แตกต่างกันไป มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน ทัพสื่อมวลชนยังคงถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อลงทำการทดสอบสมรรถนะของรถในคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันไปแบบเต็มลูป เพื่อนำทักษะที่ได้ เก็บเกี่ยวทั้งในเรื่องการใช้คันเร่งและเบรก รวมถึงจุดเบรกและจุดเลี้ยวมาใช้งานจริง
นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอกย้ำบทบาทผู้นำพรีเมียมคาร์ ที่ครบครันด้วยยานยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายสไตล์ จะเรียบหรู หรือสปอร์ตดุดัน ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งยังเป็นการยกระดับการขับขี่ให้มีความสนุก ภายใต้ความปลอดภัยที่ขยับขึ้นไปอีกขั้นด้วยเช่นกัน