ในปัจจุบัน ค่ายฟอร์ด ทำตลาดในประเทศไทยด้วยรถ 2 รุ่น ได้แก่ ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และเป็นกำลังหลักสร้างการเติบโตให้กับฟอร์ด ในตลาดประเทศไทย รวมถึง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รถยนต์อเนกประสงค์ ที่เป็นทางเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริโภคในยุคปัจจุบันด้วยเช่นกัน

โดยเจนฯล่าสุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งได้เชิญสื่อมวลชนร่วมทำการทดสอบสมรรถนะของรถรุ่นดังกล่าว ทั้งในรูปแบบออนโรดและออฟโรดบนระยะทางสั้นๆ เพื่อสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงที่ยกระดับการใช้งานด้วยเทคโนโลยีเสริมต่างๆ ซึ่งมีหลากหลายอย่างที่เป็นท็อปอินคลาสในตลาดพีพีวีในยุคปัจจุบัน สำหรับรุ่นท็อปสุดอย่าง FORD EVEREST TITANIUM+ 4X4 10AT

รูปโฉมภายนอกของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังคงไว้ซึ่งความเรียบหรู ที่ผสานกับความบึกบึนด้วยสันมุมและเส้นสายของตัวรถ ทันสมัยด้วยไฟหน้า Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันไฟรบกวนสายตาขณะที่ระยะฐานล้อกว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร และระยะระหว่างล้อหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดูล้ำสมัยและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งยังได้ปรับแต่งโช้คอัพใหม่เพื่อเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่ และช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดถัยในการควบคุมรถทั้งบนเส้นทางออนโรดและออฟโรด

ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกกว้างขวาง ได้รับการออกแบบมาให้หรูหราไปอีกขั้น ด้วยไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารเพื่อบรรยากาศอันสุนทรี โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 พับไฟฟ้าได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ลูกค้าชาร์จอุปกรณ์สื่อสารได้ที่ช่องต่อไฟ 230V ที่คอนโซลกลาง และยังมาพร้อมระบบ Electric Brake Booster ที่รองรับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control บริเวณคอนโซลประกอบด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัล จอสีขนาด 12.4 นิ้ว และจอสัมผัสขนาด 12 นิ้วพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC®4A

ครบครันด้วยเทคโนโลยีเสริมการใช้งานและความปลอดภัย อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และระบบควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง, ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ, ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง, กล้องมองรอบคัน 360 องศา, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน, ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด เป็นต้น

มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter 10 สปีด เสริมด้วยระบบ Terrain Management System ที่มอบตัวเลือกการขับขี่ 6 โหมด คือ โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดลากจูง โหมดทางลื่น โหมดโคลน และโหมดทราย พร้อมระบบดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้าเพิ่มความสามารถในการบุกตะลุยในทุกสภาพพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมความปลอดภัยอัจฉริยะทั้งระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0

FORD EVEREST TITANIUM+ 4X4 10AT ตอบสนองการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่เลียงจากเส้นทางออนโรด ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องการเก็บเสียงที่ฟอร์ด ทำได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงเทคโนโลยีเสริมการใช้งานต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในกับการใช้งาน ทั้งยังมีความเสถียรและแม่นยำยิ่งขึ้น ส่วนในเรื่องของคันเร่งและพวงมาลัยก็ตอบสนองการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม

และอีกหนึ่งความโดดเด่นอยู่ที่การใช้งานบนเส้นทางออฟโรด ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ต่างๆ ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลให้ FORD EVEREST TITANIUM+ 4X4 10AT สามารถลุยบนเส้นทางฝุ่น ทางกรวด ลุยโคลน ลุยน้ำ ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย นับเป็นพีพีวี ที่ผสานความสวยงามทันสมัยเข้ากับการใช้งานในรูปแบบออฟโรดได้อย่างลงตัว จะขับหล่อๆ หรือจะใช้ลุยก็ทำได้

อย่างไรก็ดีต้องลองถามตัวเองถึงความจำเป็นหรือความชอบในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากระบบดังกล่าวมีมาให้เฉพาะในรุ่นท็อปที่ต้องแลกกับค่าตัวทะลุล้านแปด แต่ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องราคา FORD EVEREST TITANIUM+ 4X4 10AT ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความเนียนทั้งในเส้นทางออนโรดและออฟโรด ส่วนในเรื่องของรูปร่างหน้าตาก็ว่ากันไปตามความชอบของแต่ละคน

รายละเอียดทางเทคนิค

ชื่อรุ่น                                                                               FORD EVEREST TITANIUM+ 4X4 10AT

มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง (มิลลิเมตร)                    4,914 x 1,923 x 1,842

ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร)                                             2,900

ระยะห่างล้อ (มิลลิเมตร)                                             1,620

ระยะต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร)                                  227

ลุยน้ำได้สูงสุด (มิลลิเมตร)                                         800

เครื่องยนต์                                                                       ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์

ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.)                                          1,996

แรงม้าสูงสุด (รอบ/นาที)                                             210/3,750

แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร)                                         500/1,750-2,000

ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร)                                            80

ระบบส่งกำลัง                                                                เกียร์อัตโนมัติ Electronic Shifter 10 สปีด

ระบบขับเคลื่อน                                                            4 ล้อ พร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด

ระบบควบคุมรถ                                                            พวงมาลัยเพาเวอร์แบบช่วยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า

ระบบช่วงล่าง          หน้า                                              อิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง

หลัง                                              คอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงก์และเหล็กกันโคลง

ระบบเบรก                หน้า                                              ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน

หลัง                                              ดิสก์เบรก

ล้อ                               หน้า/หลัง                                    ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว

ยาง                              หน้า/หลัง                                    GOODYEAR WRANGLER TERRITORY ขนาด 255/55R20

ราคาจำหน่าย                                                                  1,854,000 บาท