ลองขับ By Oil MITSUBISHI TRITON DC Ultra 4WD – MC LR อาวุธครบเครื่อง ลุยได้ แข็งแกร่ง เน้นงานบรรทุก
หลังจากมิตซูบิชิส่ง ไทรทัน เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ทำตลาดในเมืองไปไม่นานกับรุ่น Ultra Double Cab 2WD ครั้งนี้ทางค่ายได้เตรียมกิจกรรมให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับกระบะเพิ่มเติมอีก 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น Double Cab Ultra 4 WD – Mega Cab โดยเป็นการจำลองสถานีให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้สัมผัสถึงสมรรถนะของเจ้ากระบะไทรทันกันแบบสั้นๆ มินิพรีวิว ว่าความรู้สึกถึงสัมผัสแรกและการขับจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันในบทความนี้ได้เลยครับ
นับตั้งแต่การปรากกฏตัวของ มิตซูบิชิ ไทรทัน เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับตลาดรถยนต์กระบะเมืองไทยอยู่พอสมควร ได้ความพิเศษที่เรียกได้ว่า ใหม่เกือบจะทุกอย่าง เช่น ตัวถังใหม่ การเซตติ้งช่วงล่าง เครื่องยนต์ รวมไปถึงรูปลักษณ์หน้าตาที่ดูแปลกตาไปจากเดิม
ซึ่งก่อนหน้าเมื่อไม่นานมานี้ ทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้นำรถกระบะไทรทัน ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกันไปแล้ว กับรุ่นย่อยที่ชื่อว่า Double Cab Ultra 2 WD เกียร์อัตโนมัติ และคราวนี้ทางค่ายมิตซูบิชิได้ถือฤกษ์งามยามดี นำรถกระบะที่กำลังจะเปิดตัวเพิ่มเติมในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ในช่วงปลายปีมาให้เราได้ทดสอบกันในสนามเฉพาะกิจ ที่มีทั้งออนโรดและออฟโรด
โดยในส่วนของสถานีออฟโรด ที่จำลองการใช้งานในรูปแบบการลุยทางฝุ่น ที่มีทั้งบ่อโคลนและเนินชันสลับ ให้ได้ทดสอบขับภายใต้กระบะไทรทัน รุ่น Double Cab Ultra 4WD ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ แบบฟูลไทม์ รวมถึงมีโหมดการขับขี่ที่ช่วยให้ผู้ขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ
ในส่วนของสถานีออฟโรด หลังจากที่ได้ลองขับเจ้า มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่น Double Cab Ultra 4WD โดยสถานีแรกไปการขับลงพื้นโคลนด้วยระบบขับเคลื่อน 4H ด้วยความเร็วที่ไม่เกิน 40 กม./ชม. ด้วยระบบช่วงล่างที่เซตมาเพื่อใช้งานในรูปแบบออฟโรด สามารถส่งกำลังให้ตัวรถสามารถผ่านอุปสรรคในสถานีไปได้อย่างง่ายดาย
ก็จะออกตัวด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. เพื่อไปกลับรถเข้าสู่สถานีต่อไป และก่อนจะเข้าสู่สถานีทดสอบต่อไป ทาง Instructor ได้ให้เราลองปรับโหมดการขับขี่ให้เป็น 4HLC เพื่อลุยในทางลื่นที่ชุ่มไปด้วยน้ำและโคลน ซึ่งระบบดังกล่าว สามารถทำให้ตัวรถควบคุมการทรงตัวได้อย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องเค้นกำลังของเครื่องยนต์มากจนเกินความจำเป็น พวงมาลัยให้การควบคุมที่ง่าย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พวงมาลัยไฟฟ้า ก็สามารถควบคุมทิศทางได้เที่ยงตรง แม่นยำ
ก่อนจะมายังสถานีต่อไปที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ด้วยเส้นทางที่มีทั้งร่องดินโคลนที่ลึกขึ้นกว่าเดิม โดยเราคงใช้โหมด 4 HLC ในการลุยเช่นเดิม ซึ่งสถานีนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า ตัวรถยังคงสามารถลุยผ่านอุปสรรคไปได้อย่างมั่นใจ ด้วยระบบต่างๆ ของตัวรถที่มีมาให้ ทั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันการลื่นไถล, เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปควบคุมด้วยเบรก (Active LSD) และระบบอื่นๆ ที่คอยช่วยให้ตัวรถขับฝ่าร่องดินที่มีความลึกไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะไปต่อกันที่เนินสลับ ด้วยเทคโนโลยีกล้องมองภาพ 360 องศา ซึ่งสามารถกดดูได้ที่หน้าจอ ทำให้เราจะเห็นว่าล้อของรถอยู่ในความเอียงระดับใด เพียงแค่เราควบคุมพวงมาลัยให้ล้อของรถยังคงเกาะอยู่ที่เนิน ก็สามารถผ่านอุปสรรคในสถานีนี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็น ก่อนจะปิดท้ายด้วยการลงบ่อน้ำที่มีระดับความลึก 30 ซม. ด้วยการดีไซน์ของตัวรถที่ยกสูง ก็สามารถลุยฝ่าบ่อน้ำโคลนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล
ในส่วนของสถานีถัดมา ซึ่งจะเป็นการขับในรูปแบบออนโรด ด้วยรถกระบะไทรทัน รุ่น Mega Cab Low Rider หรือรุ่นตอนครึ่งตัวเตี้ย ให้ได้ทดสอบกันในแทร็กสั้นๆ โดยไฮไลต์จุดเด่นของเจ้ารุ่นนี้คงอยู่ที่พละกำลังของเครื่องยนต์ และการเซตติ้งของช่วงล่างที่เน้นในเรื่องของการบรรทุกหนัก
ในส่วนหน้าตาของตัวรถ มิตซูบิชิ ไทรทัน Mega Cab Low Rider เราคงจะไม่พูดถึงมาก เพราะดูแล้วไม่ค่อยจะแตกต่างจาก มิตซูบิช ไทรทัน รุ่นใหม่ ในกลุ่ม Plus Pro เท่าใดนัก แต่เราคงจะมาบอกถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่แตกต่างกันจะดีกว่า ซึ่งสิ่งแรกที่เราจะสังเกตุห็นได้อย่างชัดเจน ก็คงจะเป็นชุดล้อที่มาในรูปแบบล้อกระทะ ที่มาพร้อมยาง Bridgestone Duravis ขนาด 215/70 R15 และชายล่างขอบประตูคู่หน้า ที่ติดตั้งชิ้นส่วนการ์ดพลาสติกกันกระแทก ที่ใส่ให้จากโรงงาน
ขณะที่ภายในห้องโดยสาร มีการออกแบบให้มีความยืดยาวมากขึ้นจากรุ่นก่อน หน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ให้มาด้วยขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Andriod Auto และ Apple CarPlay จอแสดงผลแบบ MID ดิจิทัล แบบขาวดำ มีจุดชาร์จ USB ที่ให้มาถึง 2 พอร์ต ทั้ง Type C และ Type A
อีกไฮไลต์ที่สำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือ ตัวแชสซีแบบ Mega Frame ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เน้นในเรื่องของความแข็งแกร่ง และเพิ่มความทนทาน รองรับน้ำหนักการบรรทุกสิ่งของ และระบบกันสะเทือน ด้วยการปรับปรุงโช้คอัพให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมเสริมเหล็กกันโคลงด้วยเหล็กที่มีขนาดใหญ่ขึ้น 25 มม. ลดอาการโคลงเคลงของตัวรถให้มากขึ้นกว่า 29%
ในส่วนของพละกำลัง เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4N16 ถือว่ามีการปรับปรุงใหม่เกือบทั้งหมด อาทิ การใช้เสื้อสูบอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา, ปั๊มน้ำมันเครื่องที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยลดภาระในเรื่องการทำงานของเครื่องยนต์ และให้ความประหยัดเพิ่มมากขึ้น, การปรับหัวฉีดใหม่ ที่มาพร้อมแรงดันที่เพิ่มขึ้น และการใช้กล่อง ECU อัลกอริทึม ช่วยในเรื่องของการประมวลผลการจ่ายน้ำมันให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งจากการปรับเปลี่ยนในเรื่องของขุมกำลังเครื่องยนต์ในคราวนี้ เราจะเห็นได้ถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ที่ดูโดดเด่นขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเจ้าไทรทัน Mega Cab Low Rider สามารถเรียกกำลังสูงสุดได้ถึง 150 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,000 รอบ/นาที ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าไม่เพียงแต่แรงขึ้น แต่ยังสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ในรอบเครื่องยนต์ต่ำอีกด้วย
ส่วนไฮไลต์อื่นและรายละเอียดในเรื่องของราคา ทั้งในส่วนของกระบะ Double Cab Ultra 4WD และ Mega Cab Low Rider เรายังคงต้องไปติดตามกันในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ที่กำลังจะมาถึงในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้