“มินิ” แอดวานซ์ อิดิชั่น 2.949 ล้าน จำนวนจำกัด
มินิ ประเทศไทย ขยับตัวด้วยรถรุ่นพิเศษ มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู Advanced Edition ชูความโดดเด่นสดใสภายใต้สี Zesty Yellow ทั้งยังคงไว้ซึ่งการขับขี่ที่สนุกในแบบฉบับของยานยนต์ค่ายมินิ เคาะราคาจำหน่าย 2,949,000 บาท เอาใจแฟนในประเทศไทย จำนวนจำกัดเพียง 27 คัน
“มินิ ประเทศไทย ได้ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่สุดพิเศษอย่างต่อเนื่อง ด้วยรถมินิ คูเปอร์ ที่ผสานการออกแบบสุดล้ำ แต่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกตามแบบฉบับของมินิได้อย่างครบถ้วนและเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างลงตัว โดยมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู Advanced Edition รุ่นพิเศษนี้ โดดเด่นด้วยการสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ มอบความสนุกสนานแห่งการขับขี่ครบรส ตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะและไลฟ์สไตล์ พร้อมเติมสีสันให้กับการเดินทางแก่ลูกค้าและแฟนๆ รถมินิ คูเปอร์ ให้เต็มไปด้วยความสุขและความหลงใหล” คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย กล่าวถึงรถรุ่นใหม่
โดย มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู Advanced Edition เปิดตัวภายใต้โทนสีสดใส Zesty Yellow เพิ่มเติมด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว ทว่า ยังคงไว้ซึ่งคอนเซปต์การออกแบบสุดคลาสสิกของมินิ คูเปอร์ ตอกย้ำบทบาทผู้นำตลาดรถยนต์ขนาดเล็กระดับพรีเมียม ครบครันด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ ให้ได้สนุกไปกับการขับขี่ จำนวนจำกัดเพียง 27 คันในประเทศไทย พร้อมเปิดให้จับจองเป็นเจ้าของผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้ราคา 2,949,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็กเกจบำรุงรักษา MSI Standard)
สำหรับดีไซน์ภายนอกของ มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู Advanced Edition โดดเด่นเป็นตัวตนด้วยไฟหน้าทรงกลม LED ไฟตัดหมอก LED สำหรับการขับขี่ตอนกลางวัน และไฟท้ายลายธงยูเนียนแจ็ค อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ มาพร้อมการตกแต่งด้วยสไตล์ Piano Black เรียบหรู เติมความสดใสด้วยสีเหลือง Zesty Yellow มาพร้อมหลังคากระจกแบบพาโนรามา รวมถึงล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ลาย Pulse Spoke แบบสลับสี พร้อมยาง Runflat
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมชุดแต่ง MINI Yours วัสดุบุพื้นผิวและเบาะภายในสี Leather Lounge Carbon Black หรือ Leather Chester Malt Brown ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ เบาะนั่งแบบ Sports สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน ครบครันด้วยระบบความบันเทิงและระบบการสื่อสาร ผ่านจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว และระบบ Apple CarPlay
ยังคงไว้ซึ่งความสนุกในการขับขี่ ภายใต้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,998 ซี.ซี. รีดพละกำลัง 192 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบ/นาที ผสานการทำงานร่วมกับระบบเกียร์ 7 จังหวะ Steptronic Sport แบบคลัตช์คู่ เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 6.7 วินาที เติมเต็มการใช้งานด้วยระบบการปรับพวงมาลัยแบบ Servotronic ช่วงล่างแบบ Adaptive และโหมดการขับขี่ MINI Driving Modes
มาพร้อมเทคโนโลยีเสริมการขับขี่อย่างครบครัน เพื่อประสบการณ์การขับขี่อย่างเหนือระดับ ทั้งระบบควบคุมการขับขี่ที่มาพร้อมฟังก์ชันเบรก (Cruise Control with Braking Function) ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ประกอบด้วย ระบบเตือนภัยก่อนชน (Collision Warning) ระบบเตือนตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Alert) และระบบเตือนการเปลี่ยนเลน (Lane Departure Warning) เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ยิ่งขึ้นด้วยระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่มาพร้อมระบบ Electronic Differential Lock Control (EDLC) และระบบเบรกแบบ ABS รวมถึงระบบควบคุมการเบรกระหว่างเข้าโค้ง (Cornering Break Control) ที่ได้รับการติดตั้งเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายมากที่สุดอย่างปลอดภัยที่สุด