“มาสด้า3” ออปชันครบ ชิงยอด ซี-เซ็กเมนต์ อัปเกรดสมรรถนะ ชูมาตรฐานใหม่รถยนต์นั่ง

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) เสริมทัพสร้างความแข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย ด้วยมาสด้า3 รุ่นปรับโฉมปี 2022 ยกระดับการใช้งานด้วยออปชันที่ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบัน สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์นั่ง มาพร้อมสีทางเลือกใหม่ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ขยับแค่ราคาในรุ่นเริ่มต้น 10,000 บาท ตั้งเป้าขยับส่วนแบ่งในตลาดซี-เซ็กเมนต์
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยับตัวต่อเนื่อง ไล่ล่าเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้กว่า 40,000 คัน ประเดิมด้วย มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ในช่วงปลายปี ที่ได้รับการยกระดับมาตรฐานและสมรรถนะการใช้งานให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น มาพร้อมสีใหม่อย่าง แพลตทินั่ม ควอตซ์ ในช่วงปลายปีก่อนหน้า
ทั้งยังเดินหน้าเสริมทัพด้วยมาสด้า2 และมาสด้า ซีอ็กซ์-30 ตามลำดับ ซึ่งอัปเกรดสมรรถนะการใช้งานไปในทิศทางเดียวกัน ชูความครบครันและทันสมัยของเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามาเติมเต็มให้เหมาะสมกับการใช้งานตามยุคตามสมัย สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถในรุ่นเริ่มต้น ภายใต้ราคาที่กระตุ้นการตัดสินใจให้ง่ายยิ่งขึ้น
ล่าสุดเป็นคิวของมาสด้า3 ที่ถูกส่งลงทำตลาดสร้างความแข็งแกร่งให้กับค่ายมาสด้าในประเทศไทย นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดรถยนต์นั่ง ซี-เซ็กเมนต์ มีผู้เล่นหลักเพียง 3 แบรนด์ มียอดขายประมาณ 2-3 หมื่นคัน/ปี เรามียอดขายเฉลี่ยราว 3 พันคัน/ปี ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% โดยรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ครองเจ้าตลาดนับตั้งแต่เจเนอเรชันแรกจนถึงปัจจุบัน”
“การปรับโฉมเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้น และคัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูง ผนวกกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันถึง 15.9 กิโลเมตร/ลิตร จะส่งผลให้มาสด้า3 ยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ตพรีเมียม และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปัจจุบัน”
สำหรับมาสด้า3 รุ่นปรับโฉมปี 2022 ยังคงไว้ซึ่งความโดดเด่นในเรื่องของรูปร่างหน้าตา ทว่า ได้รับการยกระดับการใช้งานด้วยออปชันที่ครบครันยิ่งขึ้น ตั้งแต่ตัวเริ่มต้นอย่าง รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports ที่เติมเต็มด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, มาตรวัดดิจิทัลแบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า
รวมถึง ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, หน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, กล้องมองหลัง, ถุงลมนิรภัยรวม 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ เติมเต็มความปลอดภัยด้วยระบบ i-Activsense
ส่วนในรุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports เพิ่มอุปกรณ์และเทคโนโลยีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ขยับเพิ่มจากรุ่นเริ่มต้น ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift), วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงินโครเมียม, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ฝาปิดที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
ขณะที่ตัวท็อปอย่าง รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports มาพร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้า รวมถึงระบบความปลอดภัยและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้งาน ด้วยกระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง, ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ และระบบ i-Activsense ที่ครบครัน ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ส่วนภายในห้องโดยสารยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ตพรีเมียม สะดวกสบายด้วยเบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิทัลแบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลแบบสี MID และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาของมาสด้า โดยคำนึงถึงการใช้งานและประโยชน์ของมนุษย์เป็นหลัก
ด้านขุมพลัง ยังคงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G 2.0 รีดพละกำลัง 165 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันได้ถึง E85 มาพร้อมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 15.9 กม./ลิตร ผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ให้การตอบสนองที่แม่นยำในทุกรอบความเร็ว พร้อมแมนวลโหมด Activematic ที่ให้อีกฟีลลิ่งของการขับขี่
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการแนะนำ มาสด้า3 ใหม่ นับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งแรกของเจเนอเรชันล่าสุด เนื่องด้วยมาสด้าให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน จึงได้พัฒนารถรุ่นนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มออปชันและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันเหนือระดับตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น”
สำหรับมาสด้า3 รุ่นปรับโฉมปี 2022 ยังคงขายราคาเดียวกัน ทั้งบอดี้ ฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู โดย มาสด้า3 รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports มาพร้อมค่าตัว 979,000 บาท ขยับเพิ่มขึ้น 10,000 บาท ส่วนมาสด้า3 รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports ยังคงขายราคาเดิมที่ 1,069,000 บาท รวมถึง มาสด้า3 รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports ที่มาพร้อมค่าตัว 1,198,000 บาท เช่นเดิม
มาพร้อมสีทางเลือกใหม่อย่าง แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในรุ่นก่อนหน้า โดยครองสัดส่วนมากถึง 30% จากยอดจองในช่วงที่ผ่านมา รองลงมาคือ สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ และสีแดง โซล เรด คริสตัล โดยทั้ง 3 สีดังกล่าว เป็นการขยับตัวเพื่อสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับลูกค้าในประเทศไทย และมีเฉพาะในรถยนต์มาสด้าเท่านั้น