“ฟอร์ด” ตั้งเป้ารักษาแชร์ เน้นตัวขาย กระบะยกสูง
ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย ยิ้มรับยอดขายปี 2565 เติบโตก้าวกระโดด 35% ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 43,628 คัน ครองอันดับ 4 ตลาดรถในปีที่ผ่านมา นำทัพโดย ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ครองอันดับ 3 ตลาดรถกระบะ รวมถึง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่ยั้งรั้งท็อปทรีในเซ็กเมนต์ พร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จด้วยรถรุ่นใหม่ๆ เน้นความโดดเด่นของรถกระบะยกสูง ตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งทางการตลาด
กองทัพเน็กซ์-เจน ฟอร์ด มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากผู้บริโภคชาวไทย นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ครบครันทั้งไลน์อัป ไล่เรียงจากรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ รวมถึงกระบะไฮเอนด์ อย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และรถอเนกประสงค์ยอดนิยม อย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์
สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ เป็นผลผลิตจากโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) และโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ในจังหวัดระยอง ซึ่งฟอร์ดได้ลงทุนเพิ่ม 2.8 หมื่นล้านบาท หรือ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นมูลค่าลงทุนในประเทศไทยครั้งใหญ่ที่สุดของฟอร์ด เพื่อรองรับและยกระดับการผลิตให้ล้ำสมัย ขับเคลื่อนกลยุทธ์ฟอร์ด พลัส เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท
โดย ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นที่สอง ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ยกระดับสมรรถนะด้านออฟโรด อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ใหม่ ภายใต้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร EcoBoost V6 มอบพละกำลัง 397 แรงม้า แรงบิด 583 นิวตันเมตร เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ปรับจูนตามมาตรฐานของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์
มาพร้อมระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งใหม่ ด้วยโช้คอัพ FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ซึ่งล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ด้วยความสามารถในการปรับการทํางานได้แบบเรียลไทม์ โดยใช้เซ็นเซอร์รอบคัน เติมเต็มประสิทธิภาพการใช้งานด้วย 7 โหมดการขับขี่
ขณะที่ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ โดดเด่นด้วยรูปโฉมใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2 ตัวเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร หรือเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ด้วย ส่งผลให้ ฟอร์ด เรนเจอร์ สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือตะลุยเส้นทางสุดสมบุกสมบัน
ส่วน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและบึกบึนกว่าเดิม ทว่า ยังคงมอบการควบคุมบนทางเรียบได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังได้รับการปรับแต่งโช้คอัพใหม่ ช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่และช่วยในเรื่องการควบคุมรถ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว หรือเทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
ด้วยความโดดเด่นทั้งในเรื่องของรูปโฉม รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ส่งผลให้ค่ายฟอร์ดเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดตัว เจนใหม่ในประเทศไทย ก่อนจะปิดยอดในปีที่ผ่านมาด้วยอัตราเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 35% ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 43,628 คัน ขยับรั้งอันดับ 4 เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
ล่าสุดพร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จ ด้วยการเพิ่มความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ชูความโดดเด่นของรถกระบะยกสูง ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยเฉพาะ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถกระบะในประเทศไทย และเก็บเกี่ยวยอดขายไปได้มากถึง 3,500 คัน ในปีที่ผ่านมา
นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เผยว่า “รถกระบะยกสูง เป็นรุ่นที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากที่สุด และเป็นกำลังสำคัญที่สร้างความสำเร็จให้กับ ฟอร์ดในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เราเตรียมเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่ง เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วยรถที่มีสีสันยิ่งขึ้น ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ในปีนี้”
“สำหรับเป้าหมายของเราในปีนี้ คือการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ให้ได้ ซึ่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ครองสัดส่วน 8.7% ในตลาดรถกระบะ ขณะที่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ครองสัดส่วน 15% ในตลาดพีพีวี อย่างไรก็ดี ยังคงมีทั้งปัจจัยบวกและลบที่จะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในปีนี้”
นอกเหนือจากการเสริมทัพด้วยรถรุ่นใหม่ๆ ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย ยังพร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคด้วยการยกระดับงานบริการ โดยล่าสุดได้เปิดศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมบุคลากรฟอร์ดแห่งใหม่ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการเสริมทัพความแข็งแกร่งด้านการบริการลูกค้าของฟอร์ด