ตลาด มอ’ไซค์ อีวี เตรียมบุกตลาดไทย

จากช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลทางสถิติรายงาน มียอดการผลิตและจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยกว่า 1,600,000 คัน แสดงให้เห็นถึงตลาดมอเตอร์ไซค์ยังคงมีแนวโน้มเติบโตสดใส ซึ่งตัวเลขนี้เป็นมอเตอร์ไซค์เครื่องสันดาปแบบเดิม อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตลาดมอเตอร์ไซค์อีวี ก็มีอัตราการเติบโตขึ้น แม้จะไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมัน แต่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยกับเทรนด์อีวีที่กำลังมีการเติบโตขึ้น
ฮอนด้า ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ในประเทศไทย เตรียมขยายตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยประกาศจะขยายตลาดมอเตอร์ไซค์อีวีทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยมีการนำมอเตอร์ไซค์ รุ่น PCX EV จำนวน 150 คัน และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่น Honda BENLY e: ที่ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้ 45 กิโลเมตร จำนวน 100 คัน มาทดลองใช้ ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตลาดมอเตอร์ไซค์อีวีทั้งสองรุ่นนี้ก่อน และวางราคาขายในช่วงแนะนำไว้ไม่เกิน 150,000 บาท เพื่อให้เข้าเกณฑ์ รับเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคันจากทางกรมสรรพสามิต และเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ประกาศเป้าหมายสู่ความเป็นกลางด้านคาร์บอน (Carbon Neutral) สำหรับธุรกิจรถจักรยานยนต์ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ไม่น้อยกว่า 10 รุ่น ภายในปี 2025 (พ.ศ. 2568) รวมถึงวางเป้าหมายการจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 1 ล้านคัน ภายใน 5 ปีจากนี้ (2566-2570) และเป้าหมายยอดจำหน่าย 3.5 ล้านคัน ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573)
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่การเตรียมบุกตลาดมอเตอร์ไซค์อีวี แต่ทางฮอนด้ายังมีแผนนำเสนอรถจักรยานยนต์อีกหลายรุ่นเพื่อรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทั่วโลก ตั้งแต่คอมมิวเตอร์รุ่นเล็กสำหรับการเดินทางในเมือง ไปจนถึงรุ่นใหญ่ที่ขับขี่ได้อย่างสนุก ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกทั้งในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่นั้นมีความต้องการรถจักรยานยนต์อย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นรุ่นคอมมิวเตอร์ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมกับรองรับความต้องการอันหลากหลายของผู้ขับขี่และการใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ฮอนด้ายังมีโครงการพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นที่ใช้น้ำมัน (ICE models) แบบช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปพร้อมๆ กับผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นที่สามารถใช้พลังงานที่สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน
ด้าน ยามาฮ่า นั้น มุ่งมั่นพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการแก้ปัญหาทรัพยากรพลังงานมาโดยตลอด สะท้อนผ่านการแนะนำยานยนต์ใหม่ๆ ที่ใช้พลังงานทางเลือกอย่างสม่ำเสมอ และยามาฮ่าได้นำเสนอรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “YAMAHA E01” สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่พัฒนามาเพื่อการขับขี่ที่แท้จริง และตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางของทุกคน
โดยยามาฮ่าวางแผนในการผลิต YAMAHA E01 ทุกคัน ในล็อตแรกที่โรงงานหลักที่อิวาตะ ประเทศญี่ปุ่น และจะส่งออกกระจายไปในยุโรป ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย เพื่อทดสอบความเป็นไปได้และดูทิศทางของตลาดในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้นำ YAMAHA E01 เข้ามาในไทยทั้งหมด 40 คัน เพื่อมาทดสอบต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาในประเทศไทยด้วย และได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า YAMAHA E01 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายในงานมอเตอร์โชว์ ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์และได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากลูกค้าเป็นอย่างมาก นอกจากนี้แล้วยังได้พาสื่อมวลชนชั้นนำไปทดสอบขับขี่ เพื่อให้ได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ YAMAHA E01 อย่างเต็มระบบ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากท่านสื่อมวลชน พร้อมทั้งเปิดให้ผู้ขับขี่ชาวไทยลงทะเบียนทดลองขับแล้ว
YAMAHA E01 นับเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เทียบเท่ากับสกู๊ตเตอร์ขนาด 125 ซี.ซี. ให้กำลัง 8.1 กิโลวัตต์ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพที่ดีในการเดินทาง โดยระยะทางจากแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟเต็มที่ สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 104 กิโลเมตร เมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่ 60 กม./ชม. ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 100 กม./ชม. ฉะนั้นไม่ว่าผู้ขับขี่จะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน YAMAHA E01 สามารถตอบสนองได้แบบไม่มีข้อจำกัด ส่วนแบตเตอรี่เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุสูง 4.9 กิโลวัตต์/ชม. ที่ยามาฮ่าพัฒนาขึ้นสำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ ทำให้สามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ที่ความเร็วสูงสุดจาก 0% ถึง 90% ได้ภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้น โดยคาดว่าน่าจะนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นนี้เข้ามาขายได้ปี 2566
นอกจากมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจาก 2 ค่ายใหญ่แล้ว ตลาดมอเตอร์ไซค์อีวียังมีค่ายเล็กอีกหลายค่าย ได้แก่ SLEEK EV ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว 4 รุ่น และคาดว่าจะเปิดอีก 3 รุ่นในปี 2566 นี้ ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างนวัตกรรมให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ
H SEM Motor เป็นอีกค่ายที่มาแรง เพราะทำยอดขายเติบโตได้แบบก้าวกระโดด ซึ่งทาง H SEM ได้ขยายตลาดให้เช่ามอเตอร์ไซค์อีวี ในแบบธุรกิจหรือนิติบุคคลด้วย โดยมีมอเตอร์ไซค์อีวีให้เช่า 2 รุ่น และยังบริการลูกค้าด้วยการดูแลหลังการขาย และมีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าตลอดเวลาที่รถส่งซ่อมตลอด 24 ชั่วโมง แบตเตอรี่สามารถเปลี่ยนได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ทั้งยังมีประกันอุบัติเหตุ มี พ.ร.บ.ให้ครบ
และยังมีอีกหลายค่ายที่หันมาผลิตและจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งมีความต้องการสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มไรเดอร์ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากวิกฤติน้ำมันแพง และคาดว่าปีนี้ความต้องการมอเตอร์ไซค์อีวีจะพุ่งสูงขึ้น เพราะจะช่วยให้ประหยัดเงินได้มากทีเดียว ดังนั้นมอเตอร์ไซค์อีวีจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยุคน้ำมันแพง
สำหรับภาพรวมตลาดมอเตอร์ไซค์อีวีในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2562 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 1 เท่าตัวทุกปี เริ่มต้นจากปี 2562 อยู่ที่ 1,500 คัน, ปี 2563 อยู่ที่ 3,500 คัน, ปี 2564 อยู่ที่ 6,000 คัน และปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 7,000 คัน