“ซีอาร์-วี” ฮอต “e-HEV” ฮิต ตอกย้ำความนิยมขุมพลังลูกผสม

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ตอกย้ำบทบาทผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ในประเทศไทย เดินหน้าโกยยอดจองไปแล้วกว่า 3,000 คัน หลังเปิดตัวเจเนอเรชันที่ 6 ในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยเป็นสัดส่วนของรุ่นทางเลือกที่มาภายใต้เครื่องยนต์ฟูล ไฮบริด e:HEV มากถึง 80% สะท้อนความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อขุมพลังลูกผสม ที่โดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะและความประหยัด
ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ใช้เวทีบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 เปิดตัวเจเนอเรชันที่ 6 ของฮอนด้า ซีอาร์-วี ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย เติมเต็มไลน์อัปรถยนต์อเนกประสงค์ แท็กทีมร่วมกับ ดับเบิลยูอาร์-วี คอมแพ็คเอสยูวี ที่เข้ามาเพิ่มทางเลือกและเปิดตัวในตลาดราว 2 สัปดาห์ก่อนหน้า
“ตลอดระยะเวลาเกือบสามทศวรรษ พิสูจน์ให้เห็นว่า ฮอนด้า ซีอาร์-วี คือรถที่อยู่ในใจของคนไทยมาโดยตลอด ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 183,000 คัน ในครั้งนี้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี เจเนอเรชันที่ 6 พร้อมมอบคุณค่าที่ยกระดับมาตรฐานของเอสยูวีไปอีกขั้น ทั้งด้านดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่ของ 2 ขุมพลังทางเลือกอย่างระบบฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลังเทอร์โบ”
“การเปิดตัวในครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับไลน์อัปเอสยูวีของฮอนด้า และตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเอสยูวี อีกทั้งขับเคลื่อนยอดขายกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้าให้เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ในประเทศไทย” มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำความสำคัญของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี
ด้วยฐานแฟนที่แน่นหนาของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ในประเทศไทย ส่งผลให้สปอร์ตพรีเมียมเอสยูวีเวอร์ชันล่าสุด มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยม และเป็นหนึ่งในไฮไลต์ประจำบูธฮอนด้า ภายในงานมอเตอร์โชว์ และสามารถเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดให้จับจองเป็นเจ้าของ ส่งผลให้ล่าสุดสามารถโกยยอดจองสะสมไปแล้วกว่า 3,000 คัน
โดยมากกว่า 80% เป็นยอดจองของทางเลือกใหม่ที่มาพร้อมขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ซึ่งมีให้เลือกใช้ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ ตัวท็อปอย่าง e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES ตอกย้ำความนิยมของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในขุมพลังยุคใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ค่ายฮอนด้า ได้นำเสนอในบอดี้ของรถยนต์นั่งอย่าง ซิตี้, ซีวิค และแอคคอร์ด รวมถึง เอชอาร์-วี ในรูปโฉมของรถยนต์อเนกประสงค์
สำหรับขุมพลัง e:HEV ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ที่รีดพละกำลัง 184 แรงม้า สร้างแรงบิด 335 นิวตัน-เมตร กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พละกำลัง 148 แรงม้า แรงบิด 183 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) มาพร้อมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 20.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 113 กรัม/กิโลเมตร
โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการใช้งานให้เหมาะสมกับการขับขี่ที่แตกต่างกันไป ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode), โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) มาพร้อมสวิตช์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ ได้แก่ โหมดสปอร์ต (Sport Mode), โหมดปกติ (Normal Mode) และโหมดประหยัด (Econ Mode)
ขณะที่ขุมพลังเทอร์โบ ตอบสนองการขับขี่ที่สนุกเร้าใจสไตล์สปอร์ต ภายใต้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger รีดพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ทั้งยังมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กิโลเมตร/ลิตร รองรับเชื้อเพลิง E85
สปอร์ตพรีเมียมเอสยูวีค่ายฮอนด้า มาภายใต้ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ, ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequentialรวมถึงไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
ตามยุคสมัยด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ เติมเต็มด้วยเสาอากาศครีบฉลาม รวมถึงปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว
ยกระดับความสปอร์ตในรุ่น RS แสดงความเป็นตัวตนด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า, กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ, ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ, คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Gloss Black, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black, ไฟตัดหมอกหลัง LED, สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black, เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black และล้ออัลลอย 19 นิ้ว สไตล์สปอร์ต
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เติมเต็มด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม โดดเด่นด้วยชุดตกแต่งภายในที่พรีเมียม เสริมลุคสปอร์ตรุ่น RS ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black, เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง, พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
โดยขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น e:HEV RS 4WD ราคา 1,729,000 บาท และรุ่น e:HEV ES ราคา 1,589,000 บาท ส่วนเครื่องยนต์เทอร์โบ มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น EL 4WD ราคา 1,649,000 บาท, รุ่น ES 4WD ราคา 1,599,000 บาท และรุ่น E ราคา 1,419,000 บาท