บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ขยับตัวต้นปีด้วย บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport (M Performance Edition) ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสายพันธุ์สปอร์ตด้วยชุดแต่ง M Performance เคาะราคาจำหน่าย 3,619,000 บาท จ่ายเพิ่มเพียง 80,000 บาทจากรุ่นปกติ สำหรับลูกค้าที่จับจองผ่านช่องทางออนไลน์จำนวนจำกัดเพียง 80 คัน

                  ภาพรวมของตลาดพรีเมียมคาร์ยังคงเดินไปในทิศทางที่ดี เมื่อเทียบกับผลกระทบจากโควิด-19 ที่หลากหลายธุรกิจโดนเล่นงานอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บรรดาค่ายผู้ผลิตเดินหน้าเสริมทัพเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันไปของแฟนแต่ละแบรนด์

สำหรับค่ายบีเอ็มดับเบิลยู ยังคงเป็นผู้เล่นหลักในตลาดรถหรู และเก็บเกี่ยวยอดขายในปีที่ผ่านมาได้กว่า 10,000 คัน ตอกย้ำบทบาทผู้นำในตลาดบ้านเราด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย ภายใต้รูปโฉมและขุมพลังที่ครบครันทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมถึงไฮบริดและพลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งเป็นทิศทางการทำตลาดของค่ายใบพัดฟ้าขาวในอนาคต

อย่างไรก็ดีความโดดเด่นของรหัส M ยังคงสามารถสร้างยอดขายให้กับ บีเอ็มดับเบิลยู ทั้งในไลน์อัพ M ที่ตอบโจทย์แฟนบีเอ็มสายพันธุ์สปอร์ต ด้วยสมรรถนะที่ครบครัน หรือจะเป็นรุ่นพิเศษที่ยกระดับและสร้างความแตกต่างด้วยชุดแต่ง M Performance ที่ให้กลิ่นอายของตัวแรงค่ายบีเอ็มดับเบิลยู ภายใต้ราคาที่จับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น

บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport (M Performance Edition) เป็นรถรุ่นล่าสุดจาก บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วยรูปโฉมที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง BMW M Performance ที่ผลิตขึ้นเฉพาะสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport ด้วยข้อเสนอพิเศษด้วยราคาที่จ่ายเพิ่มขึ้น 80,000 บาท จากราคาปกติ 210,000 บาท จำนวนจำกัดเพียง 80 คัน ภายใต้ราคาขาย 3,619,000 บาท

โดยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง M Performance ในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport (M Performance Edition) ใหม่ ประกอบด้วย กระจังหน้าทรงไตคู่คาร์บอนไฟเบอร์ M Performance, สปลิทเตอร์หน้าคาร์บอนไฟเบอร์ M Performance, สปอยเลอร์หลังคาร์บอน, ฝาครอบกระจกคาร์บอน, แถบสติ๊กเกอร์ข้างตัวรถ M Performance และสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ M Performance บริเวณสเกิร์ตด้านข้างตัวรถ

สำหรับเจเนอเรชันที่ 7 ของซีรีส์ 5 โดดเด่นด้วยเส้นสายที่สะดุดตา สร้างความแตกต่างจากเจนฯก่อนหน้าด้วย กระจังหน้าทรงไตคู่รูปทรงแปดเหลี่ยมแบบใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ยาวลงมาบรรจบกันชนหน้า ล้อมด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกัน ส่วนบนของซี่ในกระจังหน้ายื่นออกมาเล็กน้อยสอดรับกับไฟหน้า Adaptive LED รูปตัว L ในดีไซน์เรียวยาว เพิ่มความดุดันด้วยช่องดักอากาศแนวตั้งทั้งสองข้างบนกันชนหน้า

ด้วยมิติตัวรถที่ยาวกว่ารุ่นก่อนหน้า 27 มิลลิเมตร ส่งผลให้ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ มีความยาว 4,963 มิลลิเมตร ทว่ายังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ด้วยดีไซน์และเส้นสายต่างๆ ที่ช่วยให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน (Cd) เพียง 0.23 เติมเต็มภาพลักษณ์และการใช้งานด้วย ล้ออัลลอย M ลาย Double-spoke ขนาด 18 นิ้ว เพิ่มความนุ่มนวลให้กับการขับขี่ด้วยช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ ส่วนด้านหลังเป็นแบบ five-link

ด้านท้ายรถสอดรับด้วยเส้นสายที่คมชัด มาพร้อมไฟท้าย LED มาในรูปแบบสามมิติทรงตัว L เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยกรอบสีดำ ซึ่งไฟท้ายและไฟเบรกออกแบบมาให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวสร้างความโดดเด่นให้กับตัวรถ ทั้งยังเสริมลุคสปอร์ตด้วยท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ท้ายรถทั้งสองด้านซึ่งรวมเป็นส่วนหนึ่งของกันชนท้าย

ภายในห้องโดยสารยังผสานความสง่างามและล้ำสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมและงานฝีมือสุดประณีต คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec มาพร้อมเบาะหนังแท้ Dakota เพิ่มมิติและความโดดเด่นให้กับห้องโดยสารด้วยอะลูมิเนียมลาย Rhombicle Smoke Grey พร้อมแถบโครเมียม รวมถึงปุ่มควบคุมบริเวณคอนโซลกลางมาในสีดำเงาเพื่อความหรูหรา ตัดกับพวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชัน M Sport

ยกระดับด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารด้วยจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด BMW Operating System 7 ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกควบคุมระบบการทำงานของระบบต่างๆ ผ่าน Control Display ระบบสัมผัส ระบบ iDrive ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชันบนพวงมาลัย ระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน BMW Intelligent Personal Assistant และ BMW Gesture Control

ด้านขุมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รีดพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที สามารถทำความความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตอกย้ำสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และเพิ่มความมั่นใจให้กับการใช้งานในยามเร่งแซง เสริมด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ได้รับการยกระดับให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น

อาทิ ระบบช่วยการขับขี่และฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในสภาวะต่างๆ ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่และระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่เติมเต็มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ เช่น เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน, ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง, ระบบ Active Protection และเซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง