ครึ่งปี “มาสด้า” โต 6.4% เสริมทัพขยับเป้า 4.5 หมื่น

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) อวดผลประกอบการครึ่งปีแรก ขยับเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.4% ด้วยยอดขายสะสม 20,117 คัน พร้อมเดินหน้าสานต่อทิศทางที่ยอดเยี่ยมด้วยรถรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการเดินกลยุทธ์ด้านการตลาด การขาย และการบริการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ไล่ล่าเป้าหมายที่ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 45,000 คันในปีนี้
รถยนต์ค่ายมาสด้า ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในประเทศไทย นำทัพโดยรถยนต์นั่ง มาสด้า2 ที่แท็กทีมกับครอสโอเวอร์เอสยูวี อย่าง มาสด้า CX-3 และมาสด้า CX-30 ส่งผลให้ผ่านครึ่งปีแรกมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 6.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยยอดส่งมอบมากกว่า 20,000 คัน สอดรับทิศทางอันยอดเยี่ยมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังโดนแช่แข็งด้วยวิกฤติโควิด-19
มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา อุตสาหกรรมรถยนต์จะมีการแข่งขันสูงและการดำเนินธุรกิจจะต้องประสบกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น จากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์สำหรับการผลิต หรือค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ฯลฯ แต่ด้วยการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของมาสด้า ส่งผลให้รถยนต์มาสด้ายังคงได้รับการตอบรับที่ดีทุกรุ่น ผลักดันให้ยอดขายรวมระหว่างเดือนมกราคมจนถึงมิถุนายน 2565 เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 6.4% นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดรถยนต์ หลังจากที่เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักไปในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากวิกฤติโควิด-19”
สำหรับผลประกอบการของมาสด้า ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา มียอดขายสะสมสูงถึง 20,117 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 12,111 คัน ได้แก่ รถมาสด้า2 จำนวน 11,242 คัน มาสด้า3 จำนวน 866 คัน และรถสปอร์ตเปิดประทุน มาสด้า MX-5 จำนวน 3 คัน ในขณะที่รถครอสโอเวอร์เอสยูวี มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,496 คัน แบ่งเป็น มาสด้า CX-30 จำนวน 3,869 คัน, มาสด้า CX-3 จำนวน 2,792 คัน, มาสด้า CX-5 จำนวน 421 คัน และมาสด้า CX-8 จำนวน 414 คัน ในขณะที่รถปิกอัพต้นแบบแห่งความสง่างาม มาสด้า บีที-50 สามารถสร้างยอดขายได้อีกจำนวน 510 คัน
ล่าสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มาสด้า มีการเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เติบโตอยู่ที่ 6.5% ด้วยยอดขายรวมอยู่ที่ 3,199 คัน แบ่งออกเป็น มาสด้า2 จำนวน 1,785 คัน, มาสด้า CX-30 จำนวน 973 คัน, มาสด้า3 จำนวน 175 คัน, มาสด้า CX-3 จำนวน 122 คัน, มาสด้า CX-5 จำนวน 51 คัน, มาสด้า CX-8 จำนวน 12 คัน และรถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 อีกจำนวน 81 คัน ตามลำดับ
ด้าน นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นับว่ายังคงมีปัจจัยรอบด้านที่ยังคงต้องจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจ การขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต รวมถึงต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่ทั้งนี้เราก็ได้เตรียมกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน เพื่อมุ่งตามแผนงานระยะกลางที่เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการยกระดับความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า ที่เรามุ่งหน้าที่จะส่งมอบความประทับใจให้กับลูกค้าของเราอย่างเต็มที่”
“โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการเอาใจใส่กับเรื่องการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าเพื่อสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ด้วยการใส่แพ็คเกจให้กับลูกค้า คือ ฟรีค่าแรง ฟรีค่าอะไหล่ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะทำให้ลูกค้าจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการบริการหลังการขายอีกต่อไป รวมถึงการเดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการและโชว์รูม MAZDA CERTIFIED PRE-OWNED ซึ่งขณะนี้เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 10 โชว์รูม ทั่วประเทศ เพื่อจำหน่ายรถยนต์มาสด้ามือสองคุณภาพดี ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ เพื่อเป็นการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร และสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์มาสด้าในประเทศ”
โดย มาสด้า ได้เติมแคมเปญ MAZDA HAPPY FESTIVAL เทศกาลแห่งความสุขกับข้อเสนอสร้างรอยยิ้ม ด้วยแพ็คเกจบำรุงรักษารถ MAZDA CARE 5 ปี ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ บัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 15,000 บาท รวมถึงลูกค้า 800 ท่านแรก ที่จองรถภายในงานฯ 5,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 31 ก.ค. 65 จะได้รับ SONY PORTABLE WIRELESS SPEAKER มูลค่า 1,990 บาท