VS HEV บี-เอสยูวี ความสมบูรณ์แบบสไตล์ “เอ็มจี”

เอ็มจี สร้างความคึกคักให้กับตลาด “บี-เอสยูวี” ล่าสุดเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ สปอร์ตเอสยูวีขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกของค่าย กับ NEW MG VS HEV ชูไฮไลต์ผ่านแนวคิด “ABSOLUTE” เพื่อบ่งบอกถึง “ความสมบูรณ์แบบ” ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย มาพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำหน้าจอ Dual Widescreen Cockpit, กุญแจ Smart Key ใหม่!กับระบบปฏิบัติ i-SMART ที่รองรับ Apple CarPlay วางจำหน่าย 2 รุ่น 859,000 – 919,000 บาท ตั้งเป้าโกยเดือนละพันคัน พร้อมส่งมอบภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
ตลาดรถยนต์ในไทยเข้าสู่ช่วงไตรมาส 3 กำลังร้อนแรง โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ ครอสโอเวอร์ หรือ B-SUV ด้วยความที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และการขับขี่ที่สนุก เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้มีค่ายรถยนต์ชั้นนำหลากหลายค่ายส่งรถมาลงเล่นในตลาดนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ
โดยกลุ่มเซ็กเมนต์ B-SUV นี้ มีเปอร์เซ็นต์การเติบโตค่อนข้างสูง จากตัวเลขยอดขาย 5 เดือนล่าสุดของปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) ทำได้รวมทั้งสิ้น 33,913 คัน ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บรรดาค่ายรถยนต์แบรนด์ชั้นนำหลายๆ ค่าย ต่างจับจ้องส่งรถยนต์รุ่นใหม่รวมถึงการปรับปรุงตัวผลิตภัณฑ์ให้มีความสดใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในเซ็กเมนต์นี้
ซึ่งล่าสุดเป็นคิวของค่ายเอ็มจี หรือ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ได้เปิดตัว NEW MG VS HEV สปอร์ตไฮบริดเอสยูวีรุ่นแรกของเอ็มจี โดยชูไฮไลต์จุดเด่นๆ ในเรื่องของความล้ำสมัยของเทคโนโลยี และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ถูกใส่เข้ามาใน NEW MG VS HEV นี้ พร้อมทำตลาดใน 2 รุ่นย่อย
นายจาง ไห่โป บอสใหญ่แห่งค่ายเอ็มจี เปิดเผยว่า ได้ส่งรถยนต์รุ่นใหม่ MG VS HEV ไฮบริดรุ่นแรกลงตลาด เชื่อว่าจะสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับตลาดเซ็กเมนต์นี้ โดยรถยนต์รุ่นนี้ถูกนำเสนอภายใต้แนวคิด “ABSOLUTE” เป็นตัวตนขั้นสุด หลุดจากทุกมิติเดิมๆ ของการขับขี่ด้วยยนตรกรรมไฮบริด โฉบเฉี่ยวด้วยภาษาดีไซน์สุดล้ำทั้งภายนอกภายใน อัดแน่นด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัย
ดีไซน์ภายนอกของ MG VS HEV ล้ำสมัยด้วยกระจังหน้า Electrified Matrix Grille Design ให้อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ต ไฟหน้าแบบ LED Projector เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่าง Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว มี Aero Wheel Cover ที่ช่วยลดแรงต้านลม
ขยับมาที่ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ Dual Widescreen Cockpit หน้าจอคู่ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว 2 จอ ควบคุมการทำงานผ่าน Illuminated Touch Panel และคอนโซลกลางแบบ Double Layer ด้านบนตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black พวงมาลัยหุ้มหนังและคันเกียร์ตกแต่งลวดลาย Laser Pattern ให้ความหรูหรา ด้านล่าง มาพร้องช่องเก็บของ และช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับทั้ง Type C และ Type A เบาะนั่งคู่หน้ารูปทรงสปอร์ตขนาดใหญ่ โดยฝั่งที่นั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ มีช่องแอร์สำหรับผู้โยยสารตอนหลัง เบาะที่นั่งด้านหลังยังสามรถปรับพับได้ 60:40 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากขึ้น และอีกหนึ่งไฮไลต์ในรุ่นท็อปก็คงจะหนีไม่พ้นหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ที่ให้ความโปร่งโล่งสบาย เติมเต็มอรรถรสให้กับตัวห้องโดยสารให้มีความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของสมรรถนะ MG VS HEV ให้พละกำลังการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ผสานขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมสูงสุดที่ 177 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่แบบ E-CVT ให้สมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล คันเกียร์ติดตั้ง Electric Shift สามารถเลือกโหมดขับขี่ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Comfort และ Sport ระบบไฮบริดของรถรุ่นนี้มาพร้อม Kers Mode ตั้งค่าได้ 3 ระดับ ช่วยชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในขณะชะลอรถ
อีกหนึ่งจุดเด่นของ MG VS HEV รุ่นนี้คือ ระบบ Navigation ที่สามารถแสดงการนำทางผ่านหน้าจอคนขับ Full Virtual Dashboard ขนาด 12.3 นิ้ว ให้ความคมชัดระดับ HD ซึ่งระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องละสายตาออกนอกบริเวณพื้นที่ขับขี่ อีกทั้งระบบนี้ยังสามารถทำงานควบคู่ไปกับหน้าจอแบบ Touch Screen ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART พร้อม Apple CarPlay และสามารถเล่นมัลติมีเดียในสมาร์ตโฟนระบบ Android ได้ มอบความบันเทิงตลอดการเดินทางด้วย Music application ของ JOOX
MG VS HEV ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะครบครัน มากถึง 12 ระบบ อาทิ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (ระบบควบคุมการทรงตัว SCS ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB ระบบป้องกันการไหลของรถ AVH พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ High Definition จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย
NEW MG VS HEV วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็น รุ่น D ราคา 859,000 บาท และรุ่น X ราคา 919,000 บาท โดยรุ่น D จะมีสีภายในเป็นสีดำล้วน มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี คือ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีแดง (Scarlet Red) สำหรับรุ่น X มีสีให้เลือกทั้งแบบโมโนโทนและทูโทน แบบโมโนโทนมีสีภายในเป็นสีดำล้วน มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีแดง (Scarlet Red) สำหรับสีทูโทนมีสีภายในเป็นแบบทูโทนสีขาวสลับดำ มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเขียว (Mineral Green) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีขาว (Arctic White)
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังเปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขาย MG VS HEV ไว้เดือนละ 1,000 คันเป็นอย่างน้อย ซึ่งน่าจะทำให้ได้ส่วนแบ่งตลาด 25-30% ของยอดขายรถในกลุ่ม B-SUV และจะเริ่มส่งมอบรถภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
“การมาของ NEW MG VS HEV จึงถือเป็นหนึ่งในหมัดเด็ดของเอ็มจีที่จะเข้ามาสร้าง “จุดเปลี่ยน” ให้กับยนตรกรรมในกลุ่ม B-SUV ซึ่งเป็นตลาดที่เอ็มจีมองเห็นโอกาสและการเติบโต รวมถึงได้เพิ่มเติมประเภทเครื่องยนต์ และกลายเป็นแบรนด์ที่มอบทางเลือกให้กับลูกค้ามากที่สุดในประเทศไทย” บิ๊กบอสค่ายเอ็มจี ทิ้งท้าย