“เรนเจอร์-เอเวอเรสต์” แท็กทีมครองท็อปทรี พร้อมเสริมรุ่นใหม่ สร้างโอกาสขยับแชร์
ฟอร์ด ประเทศไทย ยิ้มรับความนิยมของแบรนด์ฟอร์ดในประเทศไทย หลัง ฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันล่าสุด มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากผู้บริโภค ขยับขึ้นครองอันดับ 3 ในเซ็กเมนต์รถกระบะและพีพีวี ส่งผลให้มียอดขายรวมมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในปีนี้ พร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จด้วยรถรุ่นใหม่ๆ โดยมองว่าตลาดยังมีช่องทางให้เก็บเกี่ยว สอดรับกับทิศทางของเศรษฐกิจในปีหน้า
ในช่วงเวลาที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เป็นเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคปัจจุบัน จากการเข้ามาบุกตลาดของบรรดาค่ายผู้ผลิตสัญชาติจีน และสร้างกระแสบีอีวีฟีเวอร์ ส่งผลให้มีจำนวนคู่แข่งในตลาดเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งยังมีปัจจัยด้านราคาเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยมีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐเป็นตัวเร่งให้มีอัตราเติบโตก้าวกระโดด สวนทางกับภาพรวมของตลาด
อย่างไรก็ดี ด้วยความเป็นตัวตนที่ชัดเจนของค่ายฟอร์ด ที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องรูปโฉม รวมถึงสมรรถนะการใช้งานของรถกระบะประจำค่ายอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ รวมถึงทางเลือกในตลาดพีพีวีอย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สามารถกระตุ้นความต้องการและเก็บเกี่ยวยอดขายในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดตัวเจเนอเรชันล่าสุดในตลาดประเทศไทย พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด นับตั้งแต่การเข้ามาของ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์
ด้วยทิศทางอันยอดเยี่ยมของแบรนด์ฟอร์ด ส่งผลให้สามารถเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตให้กับค่ายยานยนต์สัญชาติอเมริกัน ทั้งยังขยายสัดส่วนในตลาดได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดมียอดขายสะสมในปีนี้สูงสุดเป็นอันดับ 4 ในตลาด ด้วยยอดขายสะสมเดือนมกราคม-ตุลาคม จำนวนทั้งสิ้น 31,329 คัน ครองสัดส่วนรองจากเจ้าตลาดใน 3 อันดับแรก ที่ขับเคี่ยวชิงสัดส่วนกันอย่างเข้มข้นเช่นกัน
“ฟอร์ดยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ลูกค้าชาวไทยมั่นใจในแบรนด์ฟอร์ด ด้วยนวัตกรรมอันโดดเด่น สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์ไทยอยู่เสมอ รถรุ่นย่อยใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ยังช่วยต่อยอดให้ฟอร์ดมีกระแสแรงต่อเนื่อง ประกอบกับความไว้วางใจของลูกค้าในการใช้งานนวัตกรรมบริการต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฟอร์ดมียอดขายรวมตลอดทั้งปีสูงสุดเป็นอันดับ 4 ในประเทศไทย” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวถึงความสำเร็จ นับตั้งแต่การนำเสนอเจเนอเรชันล่าสุดของเรนเจอร์และเอเวอเรสต์สู่ตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย ยังได้เดินหน้าเสริมทัพด้วยรถรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค สร้างความเคลื่อนไหวให้กับตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มรถกระบะและรถอเนกประสงค์พีพีวี กระตุ้นให้คู่แข่งในตลาดต้องขยับตัวตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่ง ค่ายฟอร์ดมาพร้อมทางเลือกทั้งรถในตลาดไฮเอนด์ ไล่เรียงมาจนถึงรถที่มุ่งเน้นที่ความคุ้มค่าคุ้มราคา
จากแนวทางดังกล่าว ส่งผลให้ฟอร์ดสามารถเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง และขยับขึ้นรั้งท็อปทรีในเซ็กเมนต์รถกระบะ รวมถึงรถอเนกประสงค์พีพีวี โดย ฟอร์ด เรนเจอร์ มียอดขายสะสมเดือนมกราคม-ตุลาคม จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 21,000 คัน ครองสัดส่วนกว่า 9% ขณะที่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายไปแล้วทั้งสิ้น มากกว่า 10,000 คัน ครองส่วนแบ่ง 20%
ส่วนทิศทางของตลาดในปีหน้า ฟอร์ด ประเทศไทย มองว่ายังมีโอกาสที่จะขยายสัดส่วนในตลาด เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะก้าวเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลโดยตรงต่อการลงทุน รวมถึงสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งรถกระบะยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของบรรดาผู้ประกอบการ ด้วยความอเนกประสงค์และใช้งานได้อย่างหลากหลาย จะผลักดันให้ตลาดสามารถขยายตัวได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ซึ่งค่ายฟอร์ดมีแพลนที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับไลน์อัปด้วยรถรุ่นย่อยใหม่ ที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงรถรุ่นพิเศษที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีความต้องการที่หลากหลายในยุคปัจจุบัน โดยเชื่อว่าเมื่อภาพรวมทางเศรษฐกิจสามารถก้าวเดินไปในทิศทางที่ดี จะเป็นแรงผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน
สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ เป็นผลผลิตจากโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) และโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ในจังหวัดระยอง โดย ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นที่สอง ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ยกระดับสมรรถนะด้านออฟโรด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถกระบะไฮเอนด์
ขณะที่ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ โดดเด่นด้วยรูปโฉมใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2 ตัวเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร หรือเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ที่ตอบโจทย์การใช้งานในสไตล์ที่แตกต่างกันไป ส่วน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและบึกบึนกว่าเดิม ทว่า ยังคงมอบการควบคุมบนทางเรียบได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลุยบนเส้นทางออฟโรดได้ดีและง่ายยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน