“เอ็กซ์แพนเดอร์” แชมป์ “มินิเอ็มพีวี” โตก้าวกระโดด
หลังการขยับตัวของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ภายใต้เทคโนโลยี “ฟูลไฮบริด” ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์กลุ่มมินิเอ็มพีวีของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เติบโตก้าวกระโดดเพียงในระยะเวลาไม่กี่เดือน (มกราคม-เมษายน 2567) ครองตัวเลขยอดขายขยับขึ้นหัวแถว 6,285 คัน เก็บมาร์เก็ตแชร์เกินครึ่ง ตอกย้ำกระแสความนิยมของผู้บริโภคคนไทย
ภาพรวมของตลาดรถยนต์กลุ่มมินิเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ในประเทศไทย ยังคงได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมจากกลุ่มผู้บริโภค เนื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยที่ค่อนข้างครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัว อีกทั้งยังให้สมรรถนะการขับขี่ที่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายค่ายผู้ผลิตรถยนต์ลงมาทำตลาด เพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับตลาดและผู้บริโภคได้เลือกจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งแต่ละแบรนด์ชูความโดดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไปตามรถยนต์ในแต่ละรุ่นที่เปิดตัวอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งความโดดเด่นของรถยนต์เอ็มพีวี ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความเป็นรถยนต์ที่มีอรรถประโยชน์การใช้งานที่หลายหลาย บรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 7 ที่นั่ง และยังมีพื้นที่ภายในที่ปรับได้ สามารถพับเบาะบางส่วนเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ผู้ใช้งานจึงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับเก็บสัมภาระ นอกจากนี้ ตัวรถยังมีสไตล์การออกแบบในแนวตั้ง ยิ่งทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกถึงความกว้างและโปร่งสบายภายในห้องโดยสาร
โดยปัจจุบันภาพรวมของตลาดรถยนต์กลุ่มมินิเอ็มพีวี มีการแข่งขันที่รุนแรง ด้วยการตั้งราคาจำหน่ายที่อยู่ในระดับเข้าถึงได้ง่ายเมื่อเทียบกับรถยนต์ในกลุ่มอเนกประสงค์อื่นๆ เล็กน้อย โดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลายในการเดินทางด้วยจำนวนที่นั่งสำหรับผู้โดยสารถึง 7 ที่นั่ง เจาะกลุ่มครอบครัวและผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์ ดังนั้น จึงได้มีการเน้นเรื่องความสะดวกสบายในการโดยสารและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งตัวเลขยอดขายของรถยนต์กลุ่มมินิเอ็มพีวี นับตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2567 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้ทั้งสิ้น รวม 6,285 คัน โดยค่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส สามารถนำรถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด ด้วยตัวเลข 4,148 คัน กินส่วนแบ่งทางการตลาดเกินกว่าครึ่ง ที่ 66.0%
ซึ่งจากเดิมก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม 2567 มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ทำตัวเลขยอดขายได้เพียง 559 คัน ก่อนจะเปิดตัวรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในประเทศไทยในเดือนถัดมา และพบว่าสามารถพลิกกลับมาทำยอดขายได้เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด ด้วยตัวเลข 1,157 คัน ปัจจุบัน มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มียอดขายในเดือนเมษายนทั้งสิ้น 1,054 คัน ถึงแม้ว่าตัวเลขอาจจะดูลดลง แต่ทว่ารถยนต์ มิตซูบิชิก็ยังสามารถครองแชมป์ยอดขาย ภายใต้ความโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ “ขุมพลังเอชอีวี”
สำหรับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นับได้ว่าปลุกกระแสรถยนต์มินิเอ็มพีวีให้ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ค่าย มิตซูบิชิได้นำเทคโนโลใหม่ ขุมพลังฟูลไฮบริด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีจาก มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ มาเป็นหัวใจในการขับเคลื่อน
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ มีการปรับในเรื่องของดีไซน์ใหม่ ในสไตล์ Mitsubishi e:MOTION สะท้อนรูปลักษณ์ที่ให้ความโฉบเฉี่ยวสะดุดตา ภายนอกมาพร้อมตราสัญลักษณ์ โลโก้ HEV ส่วนภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาตรวัดบริเวณฝั่งผู้ขับขี่ใหม่ ด้วยหน้าจอ LCD ขนาด 8 นิ้ว ปลี่ยนดีไซน์พวงมาลัยใหม่แบบ 3 ก้าน คันเกียร์ปรับเปลี่ยนเป็นเกียร์ไฟฟ้า (Electric Shift) ติดตั้งสวิตช์ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่
โดยรถยนต์ทั้งสองรุ่นยังได้รับการผลิตขึ้นที่โรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ตอกย้ำความเชื่อมั่นในแง่ของขั้นตอนกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทย ยานยนต์ตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้นสูงกว่า 64,000 คัน
ถือได้ว่า มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ นั้น ประสบความสำเร็จในก้าวแรกได้อย่างสวยงาม นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาดประเทศไทย ภายใต้การปรับตัวของเทคโนโลยีใหม่ที่มุ่งไปในเรื่องของยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการให้ความสำคัญในเรื่องของการใช้งานที่ครอบคลุม
เหนืออีกสิ่งอื่นใด ตลาดมินิเอ็มพีวียังมีผู้เล่นในตลาดอีกหลากหลายแบรนด์ที่พร้อมจะช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาดูกันต่อไป และยังมีเรื่องของปัจจัยอื่นๆ อีก อาทิ ในแง่ของการให้บริการหลังการขาย ที่ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักที่จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นต่อแบรนด์และตัวผลิตภัณฑ์