“ฮอนด้า” เปิดเกม “บีอาร์-วี” นิวเจนฯ ขาย 2 รุ่น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เติมความแข็งแกร่งให้กับไลน์อัปรถยนต์อเนกประสงค์ด้วย ฮอนด้า บีอาร์-วี เจเนอเรชันที่ 2 ชูความโดดเด่นในสไตล์สปอร์ตพรีเมียม ยกระดับการใช้งานด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ในทุกรุ่นย่อย ตอบสนองการใช้งานในรูปแบบที่หลากหลาย วางราคาจำหน่ายราว 930,000-980,000 บาท พร้อมส่งมอบ 19 สิงหาคม เป็นต้นไป
จากทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ส่งผลโดยตรงต่อการขยับตัวของแต่ละค่ายที่เดินหน้าเสริมทัพเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โดนแช่แข็งนับตั้งแต่โควิด-19 เข้ามาเป็นประเด็นหลักในสังคม และสร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง
สำหรับ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ตอกย้ำทิศทางการดำเนินธุรกิจด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อปูทางไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ โดยมีให้เลือกใช้ครบครันในทุกบอดี้ที่ค่ายฮอนด้าทำตลาดในประเทศไทย ทั้งในรูปโฉมของรถซีดาน รวมถึงแฮตช์แบ็ก และรถอเนกประสงค์ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในบทบาทที่แตกต่างกันไป
ล่าสุดเป็นคิวของ ฮอนด้า บีอาร์-วี รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เจเนอเรชันที่ 2 ที่เข้ามาเติมเต็มไลน์อัป สร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขายเพิ่มความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ หลังจากที่เจเนอเรชันแรกของรถรุ่นดังกล่าว ถูกส่งลงทำตลาดในประเทศไทยยาวนานกว่า 7 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2558
มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า บีอาร์-วี เปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2558 โดยได้เข้ามาเติมเต็มไลน์อัปรถเอสยูวีของฮอนด้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ครั้งนี้ ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ พร้อมนำเสนอคุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้า ด้วยการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่ลงตัวด้วยการผสานจุดเด่นทั้งดีไซน์สปอร์ตแข็งแกร่งสไตล์เอสยูวี ความอเนกประสงค์คล่องตัวแบบรถเอ็มพีวี และสมรรถนะการขับขี่ที่มั่นใจได้”
“อีกทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ในทุกรุ่นย่อย ห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย โดย ฮอนด้า บีอาร์-วี จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นตลาดในกลุ่มรถเอสยูวี และจะเป็นยนตรกรรมที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์การเดินทางรูปแบบใหม่ และพร้อมสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขในทุกการเดินทางให้แก่ทุกคนได้อย่างแน่นอน”
เจเนอเรชันล่าสุดของฮอนด้า บีอาร์-วี โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมสี Piano Black รวมถึงกันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ ตกแต่งสีเงิน คิ้วตกแต่งสเกิร์ตข้างสีเงิน เติมเต็มการใช้งานด้วยไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ มาพร้อมราวหลังคาตกแต่งแบบสปอร์ต เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น EL
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โดดเด่นด้วยคอนโซลดีไซน์ใหม่ ยกระดับความพรีเมียมด้วยวัสดุตกแต่งแบบ Piano Black เบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ ทั้งยังได้ออกแบบช่องเก็บของ รวมทั้งที่วางแก้วน้ำ 8 ตำแหน่ง พนักเท้าแขนด้านหน้าและด้านหลัง มาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต
ตอบโจทย์การใช้งาน ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่และความบันเทิงที่เชื่อมต่อผู้ใช้งานกับรถ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว มาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง ช่องจ่ายไฟสำรอง 3 ตำแหน่ง ลำโพง 6 ตำแหน่ง รวมถึงพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันและระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ขณะที่ห้องเก็บสัมภาระท้ายจุได้มากขึ้นกว่าเจเนอเรชันก่อน ด้วยเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 และแถวที่ 3 สามารถปรับพับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้หลากหลายรูปแบบ เบาะนั่งแถวที่ 2 มีพื้นที่ช่วงขากว้างขึ้น สามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 พร้อมพับตลบจังหวะเดียว โดยสามารถปรับเลื่อนหน้า-หลัง และพนักพิงปรับเอนได้ 3 ระดับ เบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่ช่วงขากว้างขึ้น โดยสามารถพับแยกแบบ 50:50 และพนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ได้รับการพัฒนาให้พละกำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างคล่องตัว และมีอัตราบริโภคเชื้อเพลิง 16.1 กิโลเมตร/ลิตร รองรับพลังงานทางเลือกได้สูงสุดถึง E20
ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนน โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ได้แก่ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ, ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติตามความเร็วรถ, ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง, กล้องส่องภาพด้านหลัง, ถุงลม 6 ตำแหน่ง, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก, โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON และ ACETM ช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง
สำหรับ ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น E ราคาประมาณการไม่เกิน 930,000 บาท และ รุ่น EL ราคาประมาณการไม่เกิน 980,000 บาท มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) (เฉพาะรุ่น EL) สีดำคริสตัล (มุก) (รุ่น EL และรุ่น E) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น E) โดยรุ่น EL สีภายในจะเป็นสีดำ และรุ่น E สีภายในจะเป็นสีทูโทน (ดำ/มอคค่าเกรย์) พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่ 19 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป