“ค่ายดวงดาว” รุกหนัก เติมเต็มความหรู-สปอร์ต

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เดินเกมรุกท้ายปี ประกาศเปิดไลน์การประกอบ Mercedes-Maybach รุ่นปลั๊กอินไฮบริด สอดรับความนิยมของลูกค้าในประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทผู้นำตลาดยานยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วย EQS 500 4MATIC AMG Premium พร้อมส่ง Mercedes-AMG SL 43 ลงทำตลาดเอาใจแฟนสายพันธุ์สปอร์ตระดับตำนาน
หลังจากที่ เมอร์เซเดส-มายบัค ได้เปิดตัวเอสยูวีระดับอัลตร้าลักชัวรี รุ่น Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium ที่ถือเป็นที่สุดแห่งนวัตกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งยังแนะนำ Mercedes-Maybach S 580 4MATIC Premium รุ่นประกอบนอก มาพร้อมการตอบรับที่ดีเยี่ยม พร้อมเพิ่ม Mercedes-Maybach S 680 4MATIC Premium เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ ผ่านผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป, ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์, สตาร์แฟลก และทีทีซี มอเตอร์
ล่าสุดได้ประกาศเปิดไลน์การประกอบรถยนต์ Mercedes-Maybach รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็นหนึ่งในสองประเทศแรกในโลก ร่วมกับประเทศจีน ที่ได้เริ่มทำตลาดยานยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีรุ่นนี้ ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ วางแผนส่งมอบให้กับลูกค้าภายในไตรมาสแรกของปี 2566 โดย มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีความยินดีที่จะประกาศการเดินหน้าการทำตลาด โดยมีแผนการประกอบรถยนต์ Mercedes-Maybach ในประเทศ เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยได้สัมผัสกับที่สุดของความเป็นยนตรกรรมระดับอัลตร้าลักชัวรี ที่มอบความหรูหราจากเมอร์เซเดส-มายบัค ได้อย่างเต็มที่”
“ซึ่งไทยจะเป็นหนึ่งในสองประเทศแรกในโลก ร่วมกับประเทศจีน ที่จะเริ่มทำตลาดรถยนต์ Mercedes-Maybach รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ภายในประเทศ สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีในประเทศไทยนั้น เติบโตไปในทิศทางที่ดี และด้วยความพรั่งพร้อมในทุก ๆ ส่วน ทั้งในด้านการผลิต การจัดเตรียมอะไหล่ ตลอดจนการบริการหลังการขาย จากทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างเข้มข้นภายใต้มาตรฐานระดับสากล นี่จึงเป็นที่มาให้เรามีแผนในการประกอบรถยนต์ Mercedes-Maybach ในประเทศไทย”
นอกจากนี้ ค่ายดวงดาวยังได้เสริมความแข็งแกร่ง เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วย EQS 500 4MATIC AMG Premium ยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเปิดไลน์การผลิตภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน ด้วยความโดดเด่นภายใต้แพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม ไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายใน ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์
มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว พร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 108.4 kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 702 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง วางจำหน่ายในราคา 7,900,000 บาท
รวมถึง Mercedes-AMG SL 43 รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ สปอร์ตโดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน ภายใต้ขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยนต์เอเอ็มจี ด้วยกำลังสูงสุด 381 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ดีไซน์ภายนอกผสานความเป็นรถสปอร์ตพลังแรงและความเป็นรถยนต์ซีดานที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ส่วนห้องโดยสารภายใน ให้รายละเอียดที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต 2 ประตู พร้อมเบาะที่นั่งแบบ 2+2 ที่มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการขับขี่
ตอบสนองการใช้งานในยุคปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย มาพร้อมระบบ MBUX เจเนอเรชันล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสให้แฟนรถยนต์รุ่น SL ตัวจริงในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร โดย Mercedes-AMG SL 43 วางจำหน่ายเริ่มต้นในราคา 11,700,000 บาท